กระแสคาร์ซีทช่วงนี้แรงมาก
แม่เห็นด้วยกับความปลอดภัยของลูกนะคะ ตัวแม่เองให้น้องนั่งตั้งแต่เกิด พอเริ่มรู้เรื่องก็มีบ้างที่จะไม่ยอมนั่ง บวกกับย่าชอบอุ้มและตามใจ แต่แม่จะดุและไม่ยอมบังคับต้องนั่ง จะบอกเลยถ้าพาออกไปเที่ยวละไม่นั่งคือวกรถกลับบ้านไม่ต้แงไป นี่คือที่นั่งของหนูถ้าหนูไม่ยอมนั่งคือกลับบ้านเท่านั้น ทำแบบนี้หลายครั้งจนจำว่า ไม่นั่ง=กลับบ้านอดเที่ยวน้องจะยอมคะ แต่แม่อย่าลืมหาอุปกรณ์ของเล่น ตุ๊กตาที่ลูกชอบเก็บไว้ในรถให้ลูกเล่นด้วยคะ กันเบื่อ ถ้าเมืองนอก เขาจะมีคาร์ซีทประจำตัวลูกเลย คือลูกกี่คน ก็มีจำนวนคาร์ซีทเท่านั้นและรถมีขนาดใหญ่พอ แต่บ้านเราค่าครองชีพและรัฐไม่ได้ดูแลสวัสดิการดีแบบเมืองนอก ดังนั้น อาจจะต้องมีอลุ่มอล่อยรถบางประเภท ที่ไม่สามานถคิดตั้งได้จริงๆ แต่รถตอนเดียวจะยัดลูก4คนเข้าไปพร้อมแม่ละพ่อคนขับอันนี้ก็เกินไปนะ ส่วนรถมีแคป ต้องเข้าใจก่อนว่า แคปไม่ได้ออกแบบมาให้นั่งซึ่งในความจริงนั่งไม่ได้ ไม่ใช่รถจดทะเบียนสำหรับนั่ง ดังนั้นมันคือผิดอยู่แล้ว คนไทยเอามาปรับทำเบาะนั่งกันเอง นั่นตรงนี้รัฐอาจจะต้องยอมให้ในกรณีที่สามารถติดตั้งเบวท์ไว้ล็อคาร์ซีทได้คะ การที่ใครจะอุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด แม่อยากบอก เมืาใาอเกิดอุบัติเหตุขึ้น เด็กจะเจ็บจะตายก่อนเพราะเด็กจะกลายเป็นตัวกันกระแทกให้คนที่อุ้ม และคนทีาอุ้มค่อให้มือแจ็งเหนียวปค่ไหน เมื่อเกิกกระแืก ร่างกายโเยเฉพาะมือแขนจะคลายตัวออกโดยออโต้ตามสัณชาติญาณของมนุษย์คะ จุดดนี้จะทำให้เด็กกระเด็นออกไปนอกรถ และน่าจะมีสิ่งจูงใจเช่น ติดตั้งคาร์ซีทลดค่าภาษีรภ ค่าประกันกันภัย พรบ.เป็นต้น แบบเดียวกับติดกล้องลด10% และรัฐควรแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรกรณี 1.รถเก๋ง4ที่นั่งแต่มีลูกเล็กเกิน3คน 2.รถตอนเดียวมีลูกเกิน2คน 3.รถแคปควรอนุโลมในกรณีที่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสำผรับล็อคาร์ซีทเพิ่ม ปล ความเห็นส่วนตัวแม่คะ