แชร์ประสบการ์ณเวลาลูกป่วย

ลูกเราใกล้จะ2ขวบแล้ว ตอนที่ยังไม่1ขวบ ลูกอายุ6-7เดือน เข้ารพ. เพราะช่วงสามวันแรกซึมเป็นไข้กินยาแก้ไข้ไม่ลดเลย หายใจเริ่มเสียงดังมากๆ จนพาไปรพ. คุณยายน้องพาไปรพ.เอกชนค่ะ เพราะรพ.รัฐต้องรอหลายชม ตรวจไม่ระเอียด ไปถึงพยาบาลพาตรวจอย่างละเอียดถามอาการ สรุปรู้ทันทีว่าน้องเชื้อลงปอด ค่าใช้จ่ายณ ตอนนั้นน้องอยู่7วัน ประมาณ7หมื่นกว่าบาทไทยค่ะ ก็เจ็บอยู่สำหรับคนที่รายได้ไม่ค่อยเยอะ แต่เพื่อการรักษาลูกที่ดีที่สุด เรายอมค่ะ แต่ก็ไม่จำตรงที่ว่าควรซื้อประกันสุขภาพเด็กไว้ เพราะเราคิดว่าลูกคงไม่เป็นอีก ส่วนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน ลูกตัวร้อนเป็นไข้วัดได้37กว่าคือที่ตรวจพังแต่ลูกตัวร้อนสูงมากๆกินยาลดไข้ไม่ลดลงเลย กังวลกลัวว่าลูกจะเป็นอย่างเดิม ก็พาไปรพ.เลยค่ะ เงินเราไม่ค่อยมีนะเหลือติดตัวแค่สองพัน แต่ก็ยังเลือกรพ.เอกชนค่ะ เพราะกลัวว่ารัฐ ต้องรอนาน ปรากฏว่าไปถึงพยาบาลช่วยวัดไข้ก่อนเลยคือ40.5องศาเราใจเสียเลยค่ะ เพราะไข้สูงมากๆ พยาบาลบอกว่าต้องนอนรพ.แล้ว เพราะไข้สูงมาก ต้องรอตรวจว่าป่วยแบบไหน ค่าใช้จ่ายวันแรกก็1หมื่นแล้วค่ะ รวมคือรอบสองลูกเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์A รักษา4-5วันพอดีขึ้นบ้างก็กลับรักษาต่อที่บ้านค่ะ ค่ารักษารวมๆสามเกือบสี่หมื่น สิ่งที่เราอยากจะแนะนำพ่อๆแม่ๆ ค่ะ ตามความคิดเห็นส่วนตัว 1.ถ้าเรายังพอมีจ่ายหรือหยิบยืมได้บ้าง ถ้าคิดว่าลูกอาการไม่ดี เลือกรพ.เอกชนก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะดูแลระเอียดรักษาดี พยาบาลใส่ใจตลอด หมอก็คอยสังเกตุอาการตลอดค่ะ 2.ทำประกันสุขภาพที่รวมค่ารักษาพยาบาล ของเด็กไว้ก็ดี ตรงนี้เวลาไปรพ เอกชนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได่เยอะค่ะ 3.โรคไข้หวัด หรือไวรัสอะไรตอนนี้พอลงเด็กช่วงนี้ระบาดมาก ถ้าลูกไม่สบายอย่าคิดว่าแค่เป็นไข้ธรรมดา บางบ้านไปรพ รัฐ ตรวจเสร็จได้ยากลับบ้าน ปรากฏว่า เป็นหนักกว่าเดิม กลับไปรพอีกที ก็รักษาไม่ทัน มีหลายเคสแล้วที่เป็นแบบนี้ ให้พ่อแม่สังเกตุและระวังให้ดีนะคะ ถึงเราไม่ค่อยมีเงินต้องหยิบยืมมาแต่เพื่อความปลอดภัยความสุขภาพแข็งแรงของลูกชีวิตของลูก เราก็เต็มที่ค่ะ เงินไม่ตายหาใหม่ได้ #แนะนำ #แชร์กัน #แชร์กันค่ะ #เรื่องที่ต้องระวัง

2 ตอบกลับ

ประสบการณ์ ลูกเรา 8 เดือน เป็นไข้ แล้วก็เป็นหวัด ติดมาจากเด็กในบ้าน ซึ่งตอนเด็กในบ้านเป็นเราบอกว่าอย่าพึ่งมาหอมแก้มลูกเรารอหายค่อยมาเล่นกัน แต่ไม่มีใครฟังเราเลย บอกว่าเด็กๆก็ป่วยเป็นปกติ เดียวก็หายไม่ร้ายแรงอะไร ป่วยไปพอหายจะได้มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆค่ะ บอกลูกเราแข็งแรงไม่ป่วยง่ายๆหรอก สรุปอีกไม่กี่วันลูกเราป่วยจริงค่ะ เป็นไข้ ไอ และมีน้ำมูก ที่บ้านแฟนเขาบอกว่าปกติเด็กๆก็เป็นกัน แต่ใจเราไม่โอเคมากๆที่ลูกเราไม่สบายเพราะเราจะคอยระวังลูกตลอด ผ่านไป 3-4 วัน อาการก็ไม่ดีขึ้นทั้งๆที่เราให้กินยาแล้ว ที่สำคัญคือเราสังเกตว่าลูกหายใจมีเสียงครืดคราดเบาๆ เราคิดว่าหวัดลงปอดแน่ๆ เราเลยบอกแฟนให้พาลูกไปหาหมอ แต่ที่บ้านแฟนบอกว่าเด็กไปก็เป็นแบบนี้แหละเป็นแค่หวัดธรรมดา เราคิดว่ามันไม่ปกติแล้ว เลยตัดสินใจพาลูกไปที่คลินิกเอง สรุปลูกเราเชื้อไวรัสลงปอด ต้องพ่นยา และได้ยามากินหลายตัวมาก หมอบอกว่าดูภายนอกเราดูไม่ออกหรอกว่าลูกเราป่วยหนักต้องได้รับการตรวจถึงได้รู้ว่าลูกเราหวัดลงปอดค่อนข้างเยอะ ถ้ามาช้ากว่านี้จะทำให้ปอดอักเสบ สาเหตุที่หมอบอก คือ เชื้อนี้เป็นเชื้อที่อยู่ในเด็กโต 3-5 ขวบ ซึ่งลูกเราได้รับเชื้อมาน่าจะจากเด็กในบ้าน เพราะลูกเราไม่ได้ออกไปไหนเลย ซึ่งโรคนี้ถ้าเป็นแล้วสามารถเป็นอีกได้ ไม่ใช่เหมือนบางโรคที่เป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไม่เป็นซ้ำอีก ดังนั้นควรระวังและสังเกตอาการลูกให้ดี อาการลูกเราที่เราคิดว่าเป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายว่าลูกเราป่วย 1.เป็นไข้ ไอ น้ำมูก ถ้าเป็นเกิน 3-5 วัน ควรรีบไปหาหมอ 2.ซึม งอแงตลอดเวลา ไม่ค่อยกินนมหรือข้าว นอนหลับไม่สนิท 3.เอามือจับที่หน้าอกลูกแล้วมีเสียงครืดคราด วิธีป้องกัน คือ ไม่เข้าใกล้หรือสัมผัสผู้ป่วย ไม่ตากฝน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะได้รับเชื้อมาจากที่ไหน ดังนั้นนี่คือวิธีที่ป้องกันได้ง่ายที่สุด ที่เราเลือกไปคลินิกเพราะไม่อยากไป รพ.รัฐ ค่ะ เสียเงินเยอะหน่อยแต่คุ้มค่า หมอตรวจละเอียด ไม่ต้องรอนาน ช่วงนี้เด็กๆป่วยกันบ่อย อย่าชะล่าใจ รีบไปหาหมอกันดีกว่าค่ะ จะได้รักษาได้ทันเวลา

คลิกหมออ้อ ที่เชียงใหม่ค่ะ

VIP Member

ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์นะคะ บ้านนี้ลูกเพิ่งป่วยครั้งแรกก็เข้ารพ.เลย ไม่เคยป่วยจน 2.7 ปี ตอนนี้ก็คิดทำประกันสุขภาพเหมือนตอนแรกเกิดอีกครั้งค่ะ

คำถามที่เกี่ยวข้อง

คำถามยอดฮิต

บทความเกี่ยวข้อง