สวัสดีค่ะ 😊 แม่อ้นเป็นคุณแม่ Super Mom ของแอปนี้นะคะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ไวรัส RSV และโรคมือ เท้า ปาก ที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยค่ะ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพ.ย.63 หลังจากน้องอายุครบ 1 ขวบได้ไม่กี่วัน ปกติแล้วไม่ได้พาน้องไปเที่ยวไหนเลย มีก็แต่พาไปฉีดวัคซีนที่ร.พ.เท่านั้น มีอยู่วันหนึ่งน้องมีอาการไอ แต่ไม่บ่อย เราก็ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าน้องแกล้งไอเฉยๆ จนผ่านไปอีกวัน น้องมีทั้งอาการไอ และมีน้ำมูกใสๆ พอช่วงเย็น (วันจันทร์ที่ 16 พ.ย.) ก็เลยพาน้องไปหาหมอที่คลีนิคแถวบ้าน ด้วยความที่ว่าหมอเป็นหมอทั่วไปไม่ใช่หมอเด็ก และแทบจะไม่ได้ตรวจอะไรน้องเลย ก็จัดยาตามอาการเท่านั้น มียาแก้อักเสบ ยาแก้ไอ และยาขยายหลอดลม ซึ่งปริมาณยารวมกันเกือบ 10 cc. ปริมาณยาค่อนข้างเยอะพอสมควรกับเด็กที่ไม่เคยป่วยไม่เคยกินยา มีปัญหาทุกครั้งในการป้อนยา จนเข้ามื้อที่ 4-5 น้องมีการต่อต้านยา ป้อนไปเท่าไหร่ อาเจียนออกหมด ก็เลยตัดสินใจพาน้องไปร.พ.เพื่อเปลี่ยนยา เผื่อจะได้ยาที่ทานง่ายขึ้น
พอวันพุธที่ 18 พ.ย.ช่วงบ่ายพาน้องไปร.พ. หมอก็ตรวจอาการ และแนะนำให้ตรวจ RSV ซึ่งเรากับแฟนก็เห็นด้วยนะคะ เพราะโรคนี้ในเด็กเล็กค่อนข้างอันตรายค่ะ ในการตรวจพยาบาลป้ายเอาน้ำมูกน้องในโพรงจมูกไปตรวจหาเชื้อ RSV ซึ่งรอผลประมาณ 30 นาที ผลปรากฏว่าน้องเป็น RSV ค่ะ ต้องนอนรักษาตัวที่ร.พ.ค่ะ พอเข้ามาถึงห้องพัก พยาบาลก็ให้พ่นยา (เพื่อให้เสมหะไม่ข้น) หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมงก็พาน้องไปเคาะปอด และดูดเสมหะค่ะ ซึ่งในทุกๆ วันตลอดที่อยู่ร.พ.น้องต้องพ่นยาทั้งหมด 3 ครั้ง คือ เช้า บ่าย และเย็น เคาะปอด ดูดเสมหะวันละ 1 ครั้งช่วงสายค่ะ น้องนอนอยู่ร.พ.ทั้งหมด 6 วันค่ะ ได้ออกวันจันทร์ที่ 23 พ.ย. ซึ่งหมอนัดติดตามอาการวันพฤหัสที่ 26 พ.ย.อีกทีค่ะ
🤔คงมีหลายคนสงสัยว่าน้องไปติดโรค RSV นี้มาได้ยังไง ทั้งๆ ที่ไม่เคยพาน้องไปไหนเลยนอกจากร.พ. ค่ะ คำตอบคือ น้องติดโรคนี้จากที่ร.พ.นี้แหละค่ะ เพราะเมื่อตอนต้นเดือนพ.ย.พาน้องไปฉีดวัคซีนที่ร.พ. ซึ่งปกติแล้วทางร.พ.จะแบ่งโซนของเด็กที่ฉีดวัคซีน กับโซนเด็กป่วยไว้แยกกัน แต่ในวันนั้นดันมีเด็กที่ป่วยเป็น RSV พ่อแม่พามานั่งโซนเด็กฉีดวัคซีน น้องก็เลยติดโรคนี้มาค่ะ ซึ่งเป็นโชคดีของน้องที่อาการไม่หนัก เป็นแค่ช่วงเริ่มต้น และเจอเชื้อก่อน จึงรักษาได้ทันค่ะ
หลังจากที่น้องกลับมาบ้านแล้ว น้องต้องล้างจมูกวันละ 2 ครั้ง เช้า, เย็น และทานยาที่หมอจัดให้ค่ะ แต่ผ่านไปได้ 2 วัน น้องมีไข้ช่วงบ่ายวันพุธ และไข้ขึ้นทุก 4 ชั่วโมงค่ะ วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่หมอนัดติดตามอาการพอดี ก็เลยให้หมอตรวจให้อีกทีค่ะ หมอบอกว่าเชื้อ RSV ในตัวน้องไม่มีแล้ว ที่มีไข้น่าจะเป็นไข้หวัด ติดจากใครสักคนในบ้านเรา ซึ่งวันที่น้องออกจากร.พ. ยายของน้องเป็นไข้พอดีเลยค่ะ หมอสันนิษฐานว่าน่าจะติดจากยายค่ะ ก็เลยจัดยาฆ่าเชื้อให้ไปทานที่บ้าน และนัดติดตามอาการอีกทีวันเสาร์ที่ 28 พ.ย. แต่พอผ่านไปอีกวันหนึ่ง (เป็นวันศุกร์) น้องมีตุ่มขึ้นที่ฝ่ามือ และเท้า แต่ในปากไม่มีแผลเลยค่ะ เราสงสัยว่าน้องน่าจะเป็นโรคมือ เท้า ปากค่ะ พอถึงวันเสาร์จึงพาน้องกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอบอกว่าน้องเป็นโรคมือ เท้า ปากค่ะ ซึ่งแสดงว่าที่น้องเป็นไข้เมื่อวันก่อน มาจากโรคนี้ค่ะ ไม่ได้เป็นไข้หวัด แต่ที่น้องมีอาการไม่รุนแรง เพราะได้กินยาฆ่าเชื้อไปแล้ว ไม่ต้องรักษาตัวที่ร.พ.ค่ะ
🤔เราสงสัยว่าน้องไปติดโรคนี้มาจากไหน หมอให้คำตอบว่า ติดจากที่ร.พ.ค่ะ วันที่น้องรักษาโรค RSV น้องไปเล่นของเล่นในร.พ. แต่หลังจากเล่นของเล่นทุกครั้งก็ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ค่ะ หมอบอกว่าเจลแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคมือ เท้า ปากได้ค่ะ ต้องล้างด้วยน้ำสบู่อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ
การป่วยของน้องในครั้งนี้เลยกลายเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำเลยค่ะ
🔖บทเรียนที่ได้ในครั้งนี้ คือ
1.เวลาพาน้องไปฉีดวัคซีน ให้น้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และไม่ให้คลุกคลีกับเด็กคนอื่นเลยค่ะ
2.ถ้าน้องต้องรักษาตัวที่ร.พ. หลีกเลี่ยงไม่ให้น้องไปสัมผัสของเล่นของร.พ.ค่ะ (เอาของเล่นส่วนตัวไปเองจะดีกว่าค่ะ)
❓ใครมีประสบการณ์ไวรัส RSV และโรคมือ เท้า ปาก ที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยมาร่วมแชร์กันได้นะคะ
🙏ขอบคุณค่ะ🙏