สวัสดีค่ะ เราขออนุญาตมาแชร์เหตุการณ์ที่ถ้าเราพลาดไม่ไปหาหมอเราอาจเสียน้องในท้องไปแล้ว
(ยาวหน่อยนะคะ 😅)
เมื่อกลางดึกของวันที่ 20/7/23 เรารู้สึกปวดท้องเลยลุกมาเข้าห้องน้ำ ถ่ายไป 1 รอบ หลังจากถ่ายรู้สึกเหมือนมีแก๊สในกระเพาะ เจ็บเสียดท้องด้านขวาทั้งคืนจนเช้า แต่เจ็บไม่มาก ตอนเช้าเราเลยกินอีโนไป 1 ซอง แต่เหมือนแก๊สที่อยู่ในกระเพาะมันก็ยังไม่หายไป
จน 9 โมงเรารู้สึกว่ามันไม่หายซักทีอยากกินยาลดกรดแต่ไม่กล้ากินเลยไปหาหมอที่ โรงพยาบาลให้หมอสั่งยาให้
แต่พอถึงโรงพยาบาลหมอกดที่ท้องน้อยด้านขวา หมอถามว่าเจ็บตอนกดหรือตอนปล่อย เรารู้สึกเจ็บตอนที่หมอปล่อยมือ
หมอเลยรีบส่งเราไปตรวจเลือดตรวจฉี่และอัลตร้าซาวน์ หมอสงสัยว่าอาจเป็นไส้ติ่ง หรือติดเชื้อ ไม่ใช่แก๊สในกระเพาะ
ผลอัลตร้าซาวน์ไม่เจอเพราะมดลูกบัง
ผลฉี่ไม่ติดเชื้อ
แต่ผลเลือดพบว่าค่าเม็ดเลือดขาวเราสูงมาก หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่าต้องมีอะไรอักเสบแน่ๆ
หมออายุรกรรมเลยส่งเราไปให้หมอสูติลองตรวจภายในดู
จากผลการตรวจภายในก็ไม่เจอเพราะมดลูกเราบัง แล้วน้องในท้องก็แข็งแรงปกติ หมอสูเลยส่งเราไปหาศัลยแพทย์
หมอศัลย์ส่งเราไปทำ MRI เพราะคนท้อง เอ็กซเรย์และ tc scan ไม่ได้
ตอนที่อยู่ในอุโมงค์ MRI เรารู้สึกว่าอาการเจ็บท้องเรา เจ็บขึ้นเรื่อยๆ เจ็บจนร้องไห้ เพราะเราต้องนอนเยียดตรง งอตัวไม่ได้ ใช้เวลาอยู่ในอุโมงค์ เกือบ 1 ชั่วโมง
เรานอนรอผลไม่ถึง 10 นาที หมอศัลย์เดินมาบอกว่า เราเป็นไส้ติ่งอักเสบ ต้องผ่าด่วน ถ้าแตกเด็กในท้องเสี่ยงแท้ง แต่ถ้าผ่าก็มีความเสี่ยงคืออาจคลอดกล่อกำหนด
ตอนนั้นเราน้ำตาไหลเลยค่ะ คือเสี่ยงมากทั้ง 2 ทาง
หมอศัลย์ได้ต่อสายหาหมอสูที่เราฝากครรภ์ด้วย ให้คุยกับเรา ให้กำลังใจเราและแนะนำให้ผ่า
ไม่ถึง 10 นาทีจากนั่นเจ้าหน้าที่เข็นเราขึ้นไปห้องผ่าตัดไวมาก
โดยวิธีการผ่าเราต้องโดนวางยาสลบเพราะต้องผ่าเปิดหน้าท้องแล้วย้ายมดลูกไปไว้ฝั่งซ้ายก่อนถึงจะตัดไส้ติ่งออกมาได้ (สามีเราบอกใช้เวลาในห้องผ่าตัดเกือบ 4 ชั่วโมง ถึงเข็นเราออกมา)
หลังจากผ่าเจ้าหน้าที่ติดเครื่อง NST ฝั่งเสียงหัวใจเด็ก และฉีดยากันแท้งให้เรา ลูกเราปลอดภัย และคุณหมอให้กินยากันแท้งต่อกัน 1 สัปดาห์ ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว เราผ่านพ้นภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดมาแล้ว ลูกในท้องเราน้ำหนักตามเกณฑ์และแข็งแรง
เราต้องขอขอบคุณทีมหมอจาก รพ วิภารามที่ไม่ชะล่าใจและตรวจเราอย่างรอบคอบ (เราฝากครรภ์กับคุณหมอสุภัทรานะคะ คุณหมอมาถามอาการเราทุกวันเลยตอนที่เราพักฟื้นที่โรงบาล) ถัาวันนั้นเราไปหาหมอช้า หรือหายากินเอง ไส้ติ่งเราคงแตกไปแล้ว เรื่องนี้อยากให้เป็นอุทธาหรณ์กับทุกคนนะคะ ถ้ามีอาการเจ็บป่วยอย่าชะล่าใจให้รีบไปหาหมอดีกว่าค่ะ