แชร์ปสก. เรื่องยาวแต่มีประโยชน์แน่นอนค่ะ

10 วันอันตรายกับ 3 รพ. ของลูกอายุ 10 เดือนกับโรคคาวาซากิ ชื่อญี่ปุ่นดูหรู แต่อาการไม่หรูเลยจ้า วันแรก 6-7 ตุลา ไข้ต่ำๆ แม่ก็จัดยาลดไข้ให้เลย พอเที่ยงคืน ไข้สูงมากโดนตัวแทบไหม้ กินข้าวน้อยลง ไม่มีไอ ไม่มีน้ำมูก ร่าเริงดี ไม่ซึม ไม่ชัก (นี่ละน่ากลัว) วัน 8 ไปหาหมอ วัดไข้ได้ 38.8 หมอจับเช็ดตัว ตรวจฉี่ ตรวจเลือด เจอเม็ดเลือดขาว 15,000 หมอฉี่ยาฆ่าเชื้อให้ พอตอนเย็นกลับบ้านผดขึ้น วันที่ 9 ไปหาหมอ หมอคิดว่าอาจแพ้ยาฆ่าเชื้อ ต้องแอดมิทที่ รพ. (1เอกชน)เปลี่ยนยาฆ่าเชื้อเป็นแบบเข้าเส้น ให้ยาแก้แพ้ ยาลดไข้ทุกอย่างแบบเข้าเส้นหมด เอกซเรย์พบว่ามีอาการปอดอักเสบ วันที่ 10 ผื่นเริ่มลามในช่วงเช้า แต่เริ่มหายในช่วงเย็น เริ่มมีน้ำมูก ไอ หมอเรียกไปคุยว่าสงสัยอาจจะเป็นคาวาซากิ แต่ผลเลือด อุจจาระ ปัสสาวะออกมาดูดี เริ่มอยากอาหารบ้าง หมอบอกลองดูกันไปก่อน แต่ถ้าไม่ดีขึ้นจะสงไปตรวจหัวใจอีก รพ. วันที่ 11 เริ่มมีอาการบวมคอแห้ง ไม่อยากนม ไม่อยากอาหาร เสมหะเยอะ อ้วกหนักมาก แค่ดื่มน้ำหรือนมอึกเดียวก็อ้วก ไข้สูง 40.1 ถ่ายสีเขียว อ้วกสีเขียว หมอเอาไปตรวจแลปอีกครั้ง อัลตร้าซาวช่องท้อง พบน้ำในช่องท้อง ตับเริ่มอักเสบ หมอเริ่มเรียกไปคุยแล้วว่า จะส่งตัวไปตรวจหัวใจไหม แต่ค่าใช้จ่ายแพงมาก ทั้งแลป ตรวจแอดโค่ และการรักษาต่อ หมอเริ่มบอกจะติดต่อ รพ.รัฐตามสิทธิรักษาให้ย้ายรพ แม่เลยตัดสินใจย้าย รพ. เพราะค่าใช้จ่ายเริ่มใกล้หลักแสนไปทุกทีและไม่สามารถหาอาการได้แน่ชัด วันที่ 12 ตอนเช้าหมอดูแลเรื่องอาการไข้ เรียกรถฉุกเฉินและย้าย รพ. ?การย้ายรพ. ยากมาก เนื่องจากไม่มี รพ ไหนอยากรับต่อ และบาง รพ.เตียงเต็ม ตอนมาถึง รพ.ตามสิทธิก็โดนแดกดันตลอดทางแนวแบบ หลีกหน่อยมาจากเอกชน ลำบากหน่อยนะห้องน้ำ ลูกเราอึถามว่าขอพื้นที่เปลี่ยนแพสเพิสหน่อย เขาบอกไม่มีห้องเปลี่ยนแพมเพิสหรอก รพ.รัฐนะ ทำใจหน่อยอยากเปลี่ยนก้อุ้มเปลี่ยนที่รถเข็นที่นั่งอยู่ตอนนี้ไม่ก็ไปห้องน้ำรวมนะ ถ้าเราไปคนเดียวลำบากมาก น้องป่วยถ่ายเหลวมาก? บ่ายมาถึง รพ. หมอบอกให้นอนดูอาการก่อน 1 คืนในห้องรวม เตียงข้างๆมาช่วยเช็ดตัวลดไข้ทั้งคืน วันที่ 13 หมอบอกว่าจะส่งไปตรวจหัวใจที่ รพ.(3) เด็กเอกชน ตรวจเลือดและฉี่ใหม่ทั้งหมด ผลตรวจหัวใจพบว่า ลิ้นหัวใจเปิด มีน้ำเข้าไปที่หัวใจเล็กน้อย อ่านอาการก่อนหน้าที่ รพ(1)วิเคราะ ผลไปทางโรคคาวาซากิ 70% แม่ต้องตัดสอนใจว่าจะเสี่ยงให้ยาไหม เพราะยาตัวนี้ลูกจะต้องกินยาแอสไพรินไป 2 เดือนหรืออาจจะตลอดชีวิต และต้องดูแลติดตามตับ ไตของลูกตลอด แต่โรคนี้มีเดดไลน์ให้รักษาเพียง 10 วันไม่งั้นหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ แม่และพ่อตัดสินใจที่จะให้ยา เพราะหาสาเหตุมาหลายวันแล้ว ทุกอย่างส่อไปทางเดียวกันมากขึน แม่เหลือเวลาดูไข้ได้อีกเพียง 2 วัน ถ้าในอีก 2 วันไข้ไม่ลดก้ต้องฉีดอยู่ดี การให้ยาต้องให้มีละน้อย พยาบาลต้องดูแลใกล้ชิดทุกครึ่งชั่วโมง เพราะผลข้างเคียงหากแพ้ยาคือ ช็อค ให้ยาตั้งแต่ 1 ทุ่ม - ตี5 รวมทั้งหมด 8 ขวดเล็ก ให้ยาขวดอรกต้องกินยาสลายลิ่มเลือดในอีก ครึ่ง ชม.ถัดไปต้องกินให้ตรงเวลา พอให้ยาเสร็จไข้ลดลงมาก อาการข้างเคียงหายไป เหลือถ่ายเหลวเท่านั้น หมอบอกให้รอดูไข้ต่ออีก ตอนนี่ก็ยังนอนดูไข้อยู่ รพ. อยากแชร์กับทุกคนว่า ถ้าลูกเป็นไข้อย่าชะล่าใจ แม่โดนคนรอบข้างว่ามาเยอะว่า จะพามารพ.ทำไม มันเป็นไข้เปลี่ยนอายุบ้างละ เป็นไข้ยืดตัวเพราะเข้าไตรมาสสามก่อน 1 ขวบบ้างละ เดี๋ยวพอร่างกายมันเข้าที่สัก 10 เดือนครึ่งมันก็ดีเอง แต่ถ้าไม่มา แม่อาจจะเสียลูกคนนี้ไปแล้วก็ได้

1 ตอบกลับ

Super Mum

ขอให้น้องปลอดภัย หายเป็นปกติ และได้กลับบ้านพร้อมพ่อแม่นะคะ # ขอบคุณที่แชร์ค่ะ

ขอบคุณค่า

คำถามที่เกี่ยวข้อง

คำถามยอดฮิต

บทความเกี่ยวข้อง