ปลาวาฬ profile icon
PlatinumPlatinum

ปลาวาฬ, Thailand

ผู้ใช้งาน

About ปลาวาฬ

แม่ลูก1

My Orders
Posts(7)
Replies(68)
Articles(0)

ประสบการณ์การฝากครรภ์และการคลอดในช่วงโควิด

การฝากครรภ์ - เราฝากที่ธนบุรีคลินิกค่ะ เพราะตามคุณหมอท่านหนึ่งของรพ.ทหารเรือไป เราฝากพิเศษ เวลานัดตรวจครรภ์ก็ไปที่คลินิกเอาค่ะ - ฝากครรภ์ครั้งแรกจะมีการสอบถามประวัติ ข้อมูลต่างๆ ประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แล้วก็มีการเจาะเลือดค่ะ - เวลานัดในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 คุณหมอจะนัด 1 เดือนครั้ง ถ้าไม่มีสภาวะแทรกซ้อน หรือเสี่ยงอะไร ของเรามีสภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดค่ะ ทำให้ช่วงไตรมาสที่ 2 หมอนัดทุกๆ 2 อาทิตย์ค่ะ แล้วไตรมาสที่ 3 ก็นัดทุกๆ 2 อาทิตย์เหมือนกันค่ะ - ข้อดีคือ ประหยัดเวลา ไม่ต้องรอนาน แวะไปหลังเลิกงานก็ได้ค่ะ - ข้อเสียคือ ใช้เงินมากกว่ารพ.ทหารเรือค่ะ เตรียมตัวก่อนไปคลอด - จัดกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีของใช้ของตัวเองและก็ของคนเฝ้าด้วยนะคะ - ผ้าอนามัยแบบห่วง (ถ้าไม่ได้เตรียมไปที่รพ.มีขายค่ะ ห่อละ 40/45฿) - ของใช้ของน้อง เสื้อผ้า แพมเพิส ผ้าอ้อม สำลี(ที่รพ.มีให้ค่ะ แต่เสื้อผ้าจะเป็นเนื้อผ้าแข็งๆ เตรียมไปเองจะดีกว่าค่ะ) - เอกสารแจ้งเกิด(สำเนาบัตรประชาชนของพ่อกับแม่, ทะเบียนบ้านตัวจริง, สำเนาทะเบียนบ้าน) - ก่อนไปรพ.ให้แม่ๆอาบน้ำสระผมไปก่อนเลยนะคะ ถ้าผ่าคลอดจะอาบน้ำไม่ได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ การคลอด - เข้าไปที่รพ.ทหารเรือ ถ้ายังไม่เคยมีประวัติต้องไปทำประวัติที่เวชระเบียนก่อนค่ะ ถึงจะไปพบหมอที่แผนกสูตินรีเวชได้ - ต้องมีการตรวจโควิดก่อนคลอดนะคะ ของเราตรวจ 2 รอบคือ รอบแรกตรวจ ATK จากคลินิก แล้วรอบสองตรวจ RT-PCR ที่รพ.ค่ะ ถ้าผลออกมาว่าไม่ติดถึงจะสามารถคลอดที่รพ.ทหารเรือได้ค่ะ - หลังจากที่ผลตรวจโควิดออกแล้ว ให้ญาติไปติดต่อเรื่องจองห้องนะคะ จะรู้ว่าห้องประเภทไหนว่างหรือไม่ว่าง จะเช็คได้วันที่จะคลอดเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ - ในระหว่างที่ญาติไปติดต่อเรื่องจองห้อง ตัวเราจะถูกพาไปที่ห้องเตรียมคลอดค่ะ ไปถึงก็ให้ถอดเครื่องประดับ ของมีค่าต่างๆ เก็บไว้ในกระเป๋าเพื่อให้ญาติมาเอากลับไปนะคะ ที่นี่ไม่ให้พกแม้แต่โทรศัพท์ค่ะ - เข้าไปในห้องเตรียมคลอด จะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดของรพ. โกนขนหัวหน่าว เราถูกเร่งคลอด ก็ต้องเจาะเพื่อใส่สายน้ำเกลือค่ะ ในกรณีที่ผ่าคลอดต้องใส่สายสวนปัสสาวะด้วยนะคะ ช่วงพักฟื้น - ตลอดเวลาที่อยู่รพ. ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด ห้ามถอดเด็ดขาดค่ะ แม้ตอนที่อยู่ในห้องพักฟื้นแล้วก็ตามค่ะ - หลังจากที่คลอดแล้ว ทางรพ.จะไม่นำน้องมาให้เลี้ยงนะคะ ถ้าญาติที่เฝ้าเราไม่ทำการตรวจโควิด ดังนั้นถ้าอยากจะเลี้ยงน้องที่รพ. ต้องแจ้งทางคุณหมอให้ตรวจญาติที่เฝ้าเราด้วยนะคะ ให้ตรวจพร้อมกับเราไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ ของเราไม่รู้ว่าถ้าญาติไม่ตรวจไม่ได้เจอน้อง เลยไม่ได้ทำการตรวจตั้งแต่แรกค่ะ ต้องมาเสียเวลารอผลตรวจในวันที่ 2 ที่อยู่รพ.เป็นวันๆเลย พยาบาลถึงจะพาน้องมาให้ - ที่นี่ป้อนนมน้องด้วยขวดนมนะคะ ไม่แน่ใจว่าเพราะสถานการณ์โควิดหรือป่าว มันส่งผลทำให้น้องไม่ยอมเข้าเต้าค่ะ แล้วก็ทำให้น้องติดจุกค่ะ อันนี้คือเรื่องที่เราคิดว่าไม่โอเคมากๆค่ะ - ที่นี่ไม่มีคลินิกนมแม่ ทำให้แม่มือใหม่อย่างเราไม่รู้วิธีการพาน้องเข้าเต้าค่ะ - ช่วงโควิดไม่มีการสอนอาบน้ำน้องนะคะ พยาบาลจะให้เอกสารที่มี QR Code เพื่อดูวีดีโออาบน้ำน้องมาค่ะ วันที่ออกจากรพ. - จ่ายค่าใช้จ่ายก่อน ถึงจะไปรับตัวน้องได้ค่ะ - หลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายหมดแล้ว ให้เอาใบเสร็จไปรับตัวน้องที่ห้องเด็กอ่อนค่ะ พยาบาลจะพาน้องมาให้ แล้วก็ให้ไปมาใบนึงให้ไปยื่นกับรปภ.ข้างล่างค่ะ (ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันการพาน้องหนีจากรพ.ก่อนเคลียร์ค่าใช้จ่ายค่ะ) - ของใช้น้องที่น้องใช้อยู่ที่รพ. พวกแพมเพิส ยาต่างๆ พยาบาลจะเก็บใส่กระเป๋ามาให้ด้วยนะคะ เพราะว่าเขาคิดรวมไปกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วค่ะ - ทางรพ.จะให้สมุดชมพู ใบนัดฉีดวัคซีนของน้อง กับใบนัดของเรา อย่าลืมเช็คข้อมูลด้วยนะคะ การคลอดในรพ.รัฐมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ โดยส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าไม่คิดอะไรมากรพ.รัฐก็โอเค ทั้งหมอและพยาบาลค่ะ แต่ถ้าเป็นพ่อแม่มือใหม่เลยรพ.รัฐอาจจะไม่ได้ช่วยแนะนำอะไรมากนะคะ รพ.จะไม่บอกข้อมูลถ้าเราไม่ถามค่ะ ถ้าแม่ๆ มีกำลังที่สามารถคลอดรพ.เอกชน เราแนะนำให้ไปเอกชนดีกว่าค่ะ ยิ่งเป็นแม่มือใหม่ด้วยแล้ว ยิ่งแนะนำเลยนะคะ เราหวังว่าข้อมูลที่เล่ามาจะมีประโยชน์ให้กับแม่ๆทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

Read more
 profile icon
Write a reply

เล่าประสบการณ์การคลอดลูก

วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การคลอดลูก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมานะคะ ตอนตีห้าครึ่งรู้สึกปวดฉี่เลยจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วก่อนลุกจากที่นอนรู้สึกว่ามีน้ำไหลออกมาเปื้อนกางเกงใน เราคิดว่า ฉี่เล็ดค่ะ เลยรีบเข้าห้องน้ำ พอไปเข้าห้องน้ำ ถอดกางเกงในเจอมูกเลือด เราเลยติดต่อหมอ ถามหมอว่า มีมูกเลือดและมีน้ำใสๆออกมา อาการเหมือนฉี่เล็ด นี่ปกติมั้ย หมอบอกว่าอยากให้เข้าไปตรวจที่รพ.ค่ะ หลังจากที่คุยกับหมอเสร็จ ประมาณ 6 โมงนิดๆ เราเริ่มมีอาการปวดท้องหน่วงๆ เราเลยรีบอาบน้ำ สระผม แล้วยกของที่จัดไว้เตรียมไปรพ.ค่ะ มาถึงรพ.ทำเรื่อง ซักประวัติเสร็จ กว่าจะได้พบคุณหมอก็ประมาณ 11 โมงนิดๆค่ะ คุณหมอก็ตรวจภายใน แล้วบอกว่าปากมดลูกเปิดเกือบ 2 เซนแล้ว แล้วก็ตรวจพบอีกว่า น้ำที่ไหลออกมา คือน้ำคร่ำค่ะ แล้วน้ำคร่ำรั่ว หมอเลยให้เราแอดมิด แล้วเตรียมให้ยาเร่งคลอด โดยต้องทำการตรวจโควิดก่อนค่ะ ระหว่างรอผลตรวจโควิด ก็มีอาการปวดท้องหน่วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเวลาประมาณ 13:00 ผลตรวจโควิดออก เรา ถูกพาไปไว้ที่ห้องคลอด ทำการเตรียมตัวคลอด โดยจะมีพยาบาลมาโกนขนออกให้ค่ะ เปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้ แล้วพาไปนอนให้ยาเร่งคลอด พอมาถึงเตียงต้องถูกเจาะที่มือเพื่อใส่สายให้น้ำเกลือและยาเร่งคลอดค่ะ ระหว่างให้ยาเร่งคลอด ก็จะปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างให้ยาเร่งคลอด พยาบาลก็จะมาตรวจภายในเพื่อดูว่าปากมดลูกเปิดกี่เซนแล้ว เราถูกให้ยาตั้งแต่ 14:00 จนถึง 18:00 กว่าๆ หมอมาดูปากมดลูกยังเปิดไม่ถึง 5 เซนเลยค่ะ ถ้านับระยะเวลาตั้งแต่น้ำคร่ำรั่วตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ ก็ 12 จะ 13 ชม.แล้ว คุณหมอเลยถามเราว่าผ่าคลอดมั้ย หมอห่วงน้อง เพราะว่าน้ำคร่ำรั่วนานแล้ว เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนจากคลอดธรรมชาติ เป็นผ่าคลอดแทนค่ะ ก่อนเข้าห้องผ่าตัด จะมีการใส่สายปัสสาวะ เปลี่ยนชุด เจาะเลือด อันนี้ทำจากห้องคลอดนะคะ แล้วก็จะถูกย้ายไปที่ห้องผ่าตัด ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็จะมีพยาบาลมาโกนขนส่วนที่เหลือออกให้ก่อนค่ะ เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 19:00 กว่าๆ หมอทำการบล็อกหลังให้ หลังจากโดนบล็อกหลังไปแล้ว ช่วงท้องไปจนถึงขาจะชา จนไม่รู้สึกเจ็บใดๆค่ะ จะมีรู้สึกจุกๆนิดๆ ตอนที่คุณหมอนำน้องออกมาจากตัวเราค่ะ พอพยาบาลเช็คน้องเสร็จแล้ว จะพามาให้เราดูว่าเพศอะไร แล้วพาน้องไปที่เนอร์เซอรี่ห้องคลอด น้องคลอดออกมาตอน 19:46 แข็งแรงสมบูรณ์ดีค่ะ อายุครรภ์ตอนคลอด 38w+5d หลังจากที่น้องถูกพาตัวไปแล้ว หมอก็เย็บแผลผ่าตัดให้ค่ะ พอหมอเย็บแผลเสร็จแล้ว เราถูกพาตัวไปไว้ที่ห้องดูอาการ ถ้าอาการปกติ ก็จะพาไปที่ห้องพักฟื้นค่ะ อาการของเรามีแค่หนาวสั่นค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ เราถูกพามาไว้ที่ห้องพักฟื้น คืนแรกจะต้องนอนราบเท่านั้น ห้ามยกหัวสูง แต่สามารถพลิกตัวได้นะคะ ตอนนี้ยาชายังมีฤทธิ์อ่อนๆ อยู่บ้าง จะยังไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดอะไร แต่พอตอนเช้าของอีกวันเท่านั้นแหละค่ะ มีอาการปวดแผลจนต้องขอยาแก้ปวดค่ะ วันที่สองของการอยู่รพ. ตอนสายๆหมอมาเช็คอาการ ดูแผล ตอนบ่ายก็สามารถถอดสายปัสสาวะออกได้ หมอบอกว่า สามารถลุกนั่ง และเดินได้แล้ว ถ้าไหวนะคะ แม่ๆควรจะลุกมาเดิน อย่างน้อยตอนไปเข้าห้องน้ำค่ะ เพื่อร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็ว แผลไม่เป็นพังผืดด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าจะเจ็บ ก็ต้องทนค่ะ ค่อยๆ เดินไปค่ะ สุดท้ายนี้ ที่เรามาเขียนเล่าประสบการณ์ของตัวเองแบบนี้ เผื่อแม่ๆ คนไหนมีอาการแบบเรา จะได้รีบไปพบหมอนะคะ หวังว่าการเล่าเรื่องของเราจะมีประโยชน์ให้กับคุณแม่ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ#ท้องแรกค่ะ

Read more
 profile icon
Write a reply