ถ้าบ้านไหนมีศักยภาพที่สามารถส่งน้องเรียนได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากครับเพราะการเรียนโรงเรียนนานาชาตินอกจากเราจะได้ภาษาอังกฤษแล้วหรือภาษาที่สองที่สามแล้วแต่โรงเรียนตามหลักสูตรนั้นๆเรายังได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาจากโรงเรียนหลายๆอย่างด้วยครับเช่น 1 ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติจะทันสมัยและเปลี่ยนแปลงไปตามโลกอยู่เสมอเสมอ 2 โรงเรียนจะค้นหาศักยภาพความถนัดของลูกเราให้เร็วที่สุด ก่อนอายุ 10 ปีเพื่อพัฒนาไปสู่อาชีพในอนาคตของน้องได้อย่างเช่นเด็กบางคนเรียนหนังสือไม่เก่งแต่เก่งด้านกีฬาหรือดนตรีเขาก็จะส่งเสริมลูกเรามีคนมาฝึกสอนให้อย่างเข้มข้นเพื่อจะได้ส่งเสริมความถนัดให้เด็กเอาไปประกอบอาชีพได้เมื่อโตขึ้น 3 หลักสูตรจะปรับให้เข้ากับโลกอยู่ตลอดเวลาและความถนัดของเด็กแต่ละคนให้ได้มากที่สุดซึ่งถ้าพูดกันตรงๆโรงเรียนไทยไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรไหนก็ตามไม่สามารถตอบโจทย์ข้อ ให้กับลูกเราและครอบครัวได้พูดง่ายๆคือโรงเรียนไทยไม่ว่าเด็กจะถนัดอะไรจะเรียนเก่งไม่เก่งแค่ไหนก็ต้องเรียนเหมือนกันหมดทำเหมือนๆกันหมดและหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียนจะเหมือนกันมากแทบไม่ต่างเลยบางโรงเรียนแย่กว่านั้นเปิดมาเป็นร้อยปีแล้วหลักสูตรถ้าไม่เปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนแทบไม่เปลี่ยนเลยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากสำหรับเด็กแต่ละคนที่จะได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองความถนัดของตัวเองไปได้อย่างเต็มที่ที่สำคัญคือโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่มักมีบุคลากรเจ้าหน้าที่ต่อจำนวน เด็กสูงมากบางโรงเรียนรู้กับเจ้าหน้าที่กับเด็กมีจำนวนเท่ากันเลยด้วยซ้ำอย่างมากไม่เกิน 3 ต่อ 1 ซึ่งเขาจะเอาใจใส่ดูแลให้การ ดูแลลูกเราได้ดีกว่าโรงเรียนไทยในแต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนเต็มที่ไม่เกิน 20 คนเท่านั้นซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนไทยมากบางห้องมีถึง 60 70 คนก็มีด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ครูกับนักเรียนที่ใกล้เคียงกันลูกเราจะมีคุณภาพการเป็นอยู่ในโรงเรียนดีกว่าโรงเรียนของไทยมากซึ่งมีจำนวนครูก็เจ้าหน้าที่ต่างกันหลายสิบเท่าตัว

อยากให้เข้าตอนอนุบาลเลยค่ะ😁เด็กจะได้ทักษะทางภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มหัดพูด และได้ทักษะการใช้ชีวิตและเข้าสังคมแบบเด็กฝรั่ง ที่สอนให้กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงความเห็น และช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็กๆ ส่วนผู้ใหญ่ผู้ปกครองบางท่านก็มองว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ระดับค่าเทอมอนุบาล อันนี้ก็แล้วแต่ พ่อแม่ กำลังทรัพละค่ะ ทุกคนก็อยากเลือกทางที่ดีให้กันลูกๆเสมอ แล้วแต่วิธีเลี้ยงลูกของแต่ละบ้านไป

คุณแม่กับคุณพ่อแบ่งหน้าที่กัน คุณแม่อยู่ต่างประเทศมา 15 ปี จะเป็นคนพูดภาษาอังกฤษกับลูก คุณพ่อพูดภาษาไทย ส่งลูกเรียนโรงเรียนทางเลือกที่ใช้แนวทางการสอนแบบพหุปัญญาของ Howard Gardner ไม่ใช่ระบบกระแสหลักปกติ ภาษาที่3 ก็จ้างครูมาสอน หรือส่งไปเรียนเพิ่มเติมค่ะ

ไม่จำเป็นค่ะ แล้วแต่ความต้องการของแม่ๆมากกว่าที่อยากจะให้ลูกเรียนที่ดีแค่ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกเราด้วยค่ะ ว่าจะจำที่ครูฝึกได้มากน้อยแค่ไหน บางทีเรียนโรงเรียนดีๆแต่ลูกไม่สนใจก็เท่านั้นค่ะเสียดายค่าเทอมเปล่าไปค่ะ

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเป็นระบบการเรียนที่น่ายอมรับในการภาษา ทักษะความรู้ กิจกรรมดีๆที่น่ายอมรับกว่าโรงเรียนทั่วไป แต่ก็นั่นแหละเงินพร้อมก็ส่งไหว พอขึ้นมัธยมก็ให้สอบเข้ารร.รัฐบาล

เรียนโรงเรียนธรรมดาก็พอแล้วค่ะ โตขึ้นเขาอยากเป็นอะไรก็ปล่อยให้เขาเป็นค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติลูกถนัดทางไหนครอบครัวพร้อมสนับสนุนค่ะ ขอแค่ลูกเป็นคนดีตั้งใจเรียนก็พอ

ก็ดีนะคะที่น้องจะมีความรู้หลากหลายด้านภาษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเด็กด้วยและกับปัจจัยทางการเงินของพ่อแม่ค่ะ

ไม่จำเป็นค่ะ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู และความพร้อมความต้องการศึกษาในเด็ก เรียนโรงเรียนธรรมดา แต่จบเป็นครูเป็นนาย เก่งภาษาหลายคนค่ะ

รร.นานาชาติสนุกมากค่ะ แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากๆด้วย ถ้ามีกำลังทรัพย์ส่งไปเรียนก็ดี ถ้าไม่มีก็สอนพื้นฐานให้ลูกเองก่อนดีกว่า

เรียนที่ไหนๆก้เหมือนกัน่ะค่ะสำหรับในความคิดของแม่บ้านนี้ขึ้นอยู่กับตัวของเด็กจะตั้งใจเรียนมั้ยเท่านั้นเองแหล่ะค่ะ