เมื่อฉันต้องยุติการตั้งครรภ์

เมื่อฉันต้องยุติการตั้งครรภ์​ 19​ สัปดาห์ จากกระทู้เดิมอันนี้ที่เราเคยตั้ง จนมาถึงวันที่ผลน้ำคร่ำออก​ (รอผล​ 2​ วัน)​ สรุปคือหมอบอกลูกเรามีโครโมโซมคู่ที่​ 21 เกินมา​ 1​ แท่ง ลูกเราเป็นดาวน์ซินโดรม?? เหมือนสายฟ้าฟาด​ ถึงแม้จะทำใจมาบ้าง​ แต่ใช่ว่าจะรับได้ทั้งหมด​ เพราะลึกๆเรายังมีความหวังว่า​ ผลน้ำคร่ำจะออกมาปกติ​  หมอนัดเราเช้าวันพุธที่​ 22 พค.62​ เวลา​ 7​ โมงเช้า​ คืนก่อนจะเช้า​ เราร้องไห้จนหลับไป​ เราไม่มีทางเลือก​ เรียกได้ว่าไม่มีทางเลือกเลยจะดีกว่า​ เช้าวันที่หมอนัด​ เราเดินทางไปรพ.​2​ คน​กับสามี​ เรากลัว​ สามีจับมือปลอบใจเราไปตลอดทาง​ พอไปถึงรพ.เราก็เข้าไปติดต่อเคาน์เตอร์ทำเรื่องแจ้งว่าแอดมิด​ สักพักใหญ่มีเจ้าหน้าเข็นเราไปที่ห้องคลอด​ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า​ เสร็จแล้วให้เรานอนรอคุณหมอที่ห้องรอคลอด​ ระหว่างรอหมอสามีเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนได้​  สักราวๆ​ 8​ โมงเช้า​ คุณหมอเจ้าของเคสมา บอกจะเหน็บยาให้เรา​ สามีออกไปรอข้างนอก​ เหน็บครั้งแรก​ 8​ โมง​ เหน็บ​ไป​ 2​ เม็ด​ คุณหมอบอกหลังจากเหน็บ​ พยายามไม่เข้าห้องน้ำราวๆ​ 2​ ชม.​ และจะมีอาการหน่วงท้องเป็นระยะๆ​ เนื่องจากมดลูกบีบเพื่อให้น้องเคลื่อนตัวลงมา​ หมอบอกอีก​ 6​ ชม.จะมาเหน็บใหม่​ เวลาผ่านไปจนถึงบ่าย​ 2​ คุณหมอเข้ามาเหน็บยาครั้งที่​ 2​ (ซึ่งครั้งนี้ไม่รู้ว่าเม็ด​ เราไม่เห็น)​ หมอถามเราเริ่มมีอาการหน่วงท้อง​ ปวดท้อง​บ้างหรือยัง​ ระหว่าง​ 6​ ชม.ที่ผ่านมา​ มีปวดเป็นระยะๆ​ แต่ไม่ถึงกับปวดมาก​ ปวดแบบทนได้อยู่​ หมอบอกถ้าปวดจนทนไม่ไหว​ ให้บอก​ เพราะจะให้ยาแก้ปวด​บรรเทา​ เหน็บครั้งที่​ 2​ ผ่านไป หมอบอกวันนี้คงจะเหน็บให้แค่นี้ก่อนหมอไม่อยากให้ยาแรงเกินไป​ เร็วสุดอาจคลอดคืนนี้​ หรือช้าสุดก็เป็นคลอดพรุ่งนี้​ คืนแรกผ่านไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ อาการปวดท้องหน่วงๆก็ยังมีให้ปวดเป็นระยะๆ​ แต่ไม่มากเท่าไหร่​ คืนนั้นมีพยาบาลเวรเข้ามาวัดความดัน​ เข้ามาวัดไข้ให้ตลอดทั้งคืน เข้ามาถามว่าคุณแม่ปวดท้องบ้างมั้ย​อยู่ตลอดเวลา​ (ห้องรอคลอดที่นี่ไม่ให้เฝ้านะคะ​ เราฝากที่เปาโลโชคชัย​ 4) *เช้าวันที่​ 23​ พค.62*  คุณหมอมา​ พร้อมถามเราปวดท้องบ้างหรือยัง​ เราบอกเหมือนเดิม​ มีหน่วงๆแต่ไม่มาก​ หมอเหน็บยาครั้งที่​ 3​ ตอน​ 8​ โมง​ ให้ทานเช้าปกติ​+เที่ยง​ (แต่ข้าวเย็นจะให้งดก่อน​ หลัง​ 5​ โมงไปแล้วพยายามอย่าทานอะไรมากแม้แต่น้ำ)​ สามีเข้ามาหาช่วงเที่ยงเนื่องจากสามีเราต้องเคลียร์งานช่วงเช้าก่อน​ สามีอยู่กับเราถึงบ่าย​ 3​ แล้วก็กลับไปทำงาน หลังจากนั้น​สักพักเราก็เริ่มมีอาการปวดแบบหน่วงๆท้องอยู่ตลอด​ สักราวๆเกือบๆ​ 4​ โมงเราปวดฉี่เลยลุกไปฉี่กับกระโถน​ที่พยาบาลเตรียมไว้ให้​ (พยาบาลไม่ให้เราเดินหรือลุกมาก​ กลัวลูกหลุดออกมาด้วย)​ พอจังหวะที่ฉี่กับกระโถนเสร็จ​ เดินมาที่เตียงกำลังจะล้มตัวลงนอน​ จังหวะนั้นมันปวดจี๊ดมาก​ ความรู้สึกมันจี๊ดลงไปถึงหัวหน่าวแบบเหมือนจะมีอะไรทะลุออกมา​ เราปวดมาก​ จนร้องกรี๊ดลั่นห้อง​ ร้องกรี๊ดจิงๆตอนนั้น​ ปวดแบบทนไม่ได้​ เรากดออดเรียกพยาบาลกดรัวๆๆๆ​ พยาบาลวิ่งเข้ามาหลายคน มีคนนึงประคองตัวเราแล้วบอกว่าให้คุณแม่ขยับตัวไปกลางๆเตียง​ ตอนนั้นเราปวดมาก​  ไม่มีแรงแม้แต่ขยับตัว​ พยาบาลบอกตั้งขา​ เราตั้งขาไม่ได้จิงๆ​ ปวดมาก​ ไม่มีแรงขยับตัวเลย พยาบาลช่วยยกขาเราให้ตั้ง​ แต่พยาบาลก็บอกให้คุณแม่ช่วยยกด้วย​ ความเจ็บปวดเริ่มรุมเร้า​ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจิงๆ​ พยาบาลคนนึงล้วงเข้าไปในช่องคลอด​ บอกคุณแม่ช่วยเบ่งนิดนึง​ งั้นคุณแม่ก็จะเจ็บอยู่แบบนี้นะ​ เราปวดมาก​ ปวดจนไม่มีแรงจิงๆ​ เรากัวด้วย​ กัวไปหมดทุกอย่าง​ สงสารลูกด้วย​ มันเป็นความเจ็บ+ความกัวอย่างบอกไม่ถูก​ พยาบาลบอกเราเบ่งเหมือนคนปวดถ่าย​ เราบอกเราเบ่งไม่ได้เราไม่มีแรง​ สักพักพยาบาลก็ล้วงๆไปในช่องคลอด​ สักพักนึงมีเสียงดัง​ โพล๊ะะ!! เสียงดังมากกก​ เหมือนลูกโป่งใส่น้ำแล้วโยนแตก​ แบบนั้นเลยย​ เวลานั้นประมาณ​ 4​ โมง​ ปรากฏว่าไอ้ที่แตกคือน้ำคร่ำ​ จังหวะหมอเจ้าของเคสเข้ามาพอดี​ หมอบอกคุณแม่ช่วยเบ่งนะ สูดหายใจเข้าลึกๆ​จนสุด ก้มหน้่าคางชิดอก​แล้วเบ่ง​ เราพยายามทำอยู่​ 2-3ครั้ง​ จนหมดแรง​ ยังนะ.. น้องยังไม่คลอด​ จนหมอบอกให้คุณแม่พักก่อน​ เด่วถ้าปวดอีกค่อยเริ่มเบ่งใหม่ จากนั้นพยาบาลก็มาเปลี่ยนผ้า​ เช็ดตัว​ เปลี่ยนผ้าปูให้ใหม่​ ตอนนี้ความปวดเริ่มบรรเทา​ ไม่ปวดแบบทรมาณเหมือนเมื่อกี้แล้ว​ ผ่านไปจนถึ​ง​ 6​ โมงเย็น​ หมอเข้ามาหาถามปวดมั้ย​ อยากเบ่งอีกมั้ย​ เราบอกตอนนั้นไม่ปวดแล้ว หมอบอกงั้นหมอจะเหน็บยาให้อีกรอบ​ อาจจะคลอดคืนนี้​ คืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างปกติ​ ไม่มีอาการหรือทีท่าว่าจะคลอดเลย​ พยาบาลเข้ามาดู​ วัดไข้​ วัดความดันให้ตลอด​ *เช้าวันศุกร์ที่​ 24​ พค.62* ช่วงเช้าพยาบาลเข้ามาเช็ดตัว​ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตามปกติ​ วัดไข้​ วัดความดัน​ ถามอาการเราว่ามีปวดท้องมั้ย​ เราบอกไม่เลย,ปกติ​ พยาบาลบอกนึกว่าจะคลอดเมื่อคืนละนะ​ พยาบาลบอกเช้านี้ยังคงต้องงดอาหารไปก่อน​ ราวๆ​ 9​ โมงเศษๆ​ คุณหมอเข้ามาหาบอกเราว่านึกว่าจะคลอดเมื่อคืนแล้ว​ หมอบอกจะเหน็บยาให้อีกครั้ง​ พร้อมถามเมื่อวานน้ำคร่ำแตกกี่โมง​ เราบอก​ประมาณ​ 4​ โมง​ คุณหมอบอกวันนี้ภายใน​ 4​ โมงเย็นคุณแม่ต้องคลอดแล้วนะ​ เพราะไม่อย่างนั้นคุณแม่จะเสี่ยงติดเชื้อในโพรงมดลูกเพราะน้ำคร่ำแตกแล้ว​ ตอนนั้นเราเริ่มกัว​ กัวถ้าลูกไม่คลอด​ กัวความเจ็บปวด​ กัวทุกอย่าง​ สงสารลูกด้วย​ ราวๆซัก​ 11​ โมง​ หมอเข้ามาขอตรวจปากมดลูก​ (ลืมบอกว่าหลังจากเหน็บยาที่ผ่านมา​ ปากมดลูกเราเปิดที่​ 3​ ซม.)​  หมอตรวจปากมดลูกแล้วบอกปากมดลูกยังเปิดเท่าเดิมคือ​ 3​ซม.​ หมอบอกน้องขวางตัว​ ถ้าแบบนี้คุณแม่จะคลอดยาก​ ตอนนั้นเราเริ่มกังวล​ คุณหมอบอกขออัลตร้าซาวด์ดูว่าน้องอยู่ท่าไหน​ เครื่องอัลตร้าซาวด์ถูกเข็นเข้ามา​ในห้อง เราไม่กล้าดูที่หน้าจออัลตร้่าซาวด์เลย​ พอซาวด์ดูเสร็จ​ คุณหมอแจ้งน้องหัวใจหยุดเต้นแล้วนะ​ เราสงสารลูกมาก​ คุณหมอบอกจะเปลี่ยนจากยาเหน็บเป็นให้ยาเร่งคลอดทางสายน้ำเกลือแทน คุณหมอบอกคุณแม่จะปวดหน่วงหน่วงทุก 3 นาที​ ปวดคลายๆ​  ยาเร่งคลอดโดสที่ 1 ผ่านไป​  (ให้ผ่านทางสายน้ำเกลือ)​ เวลาผ่านไปราวๆเกือบเที่ยง​ พยาบาลเข้ามาให้ยาเร่งคลอดโดสที่ 2​  หลังจากนั้นประมาณราวๆ12.15 นาที​ แฟนเรามา​ เราบอกแฟนเราว่ายังไม่รู้สึกว่าจะคลอดเลย แต่อาการมันจะปวดท้องหน่วงๆอยู่เรื่อย​ๆ อารมณ์เหมือนคนปวดท้องถ่าย​ คือจะหน่วงและจุกที่ก้น​ เราบอกแฟนเราว่าพูดกับลูกให้หน่อย​ บอกม่ามี้ไม่ไหวแล้ว​ แฟนก็เลยลูบท้องเราแล้วก็พูดกับลูกว่า​ "ป่าป๊ากับม่ามี๊รักหนู​ ขอให้หนูกลับมาเกิดเป็นลูกป่ะป๊ากับมามี้ใหม่​ มามี๊เจ็บหนูก็เจ็บนะลูก" พอสักพักเราก็เริ่มปวดท้อง​ ปวดแบบจี๊ดที่ก้น​ อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกจริงๆว่าปวดถ่ายหรือปวดอะไร​  เราบอกแฟนเราว่าปวดท้องๆ​ รีบไปตามหมอให้หน่อย​ แฟนรีบวิ่งออกไปตาม สักพักพยาบาลเข้ามาในห้องเราราวๆ 4-5 คน​ ตอนนั้นเราเริ่มปวดมาก เราถามหาหมอที่เป็นหมอเจ้าของเคส เราว่า​หมออยู่ไหน​ พยาบาลบอกเด่วมา​ พยาบาลคนนึงสวมถุงมือแล้วล้วงเข้าไปในช่องคลอดเรา​ แล้วบอกว่าตอนนี้น้องอยู่แค่ตรงนี้ละ​ (พยาบาลกดๆแถวๆบริเวณท้องน้อย​เรา)​ คุณแม่จะลองเบ่งไหม​  เบ่งไม่กี่ทีน้องก็ออกละ​  คุณแม่จะได้ไม่ปวดทรมานด้วย ตอนนั้นเรากลัวมาก​ เราเบ่งไม่เป็นจริงๆ​ เรากลัวว่าถ้าเราเบ่ง มันจะถ่ายท้องออกมาด้วย​ (เพราะเราไม่ได้สวน)​ พยาบาลบอกไม่เป็นไร​ อะไรจะออกก็ปล่อยให้ออกมาให้หมด​ เราเลยลองพยายามกลั้นใจ​ ทำตามที่พยาบาลบอก​ (ทั้งที่แทบจะไม่มีแรงจิงๆ)​ สูดลมหายใจเข้าให้สุด​ ก้มหน้าคางชิดอก​ แล้วเบ่งให้สุด​ ( เราหลับตาตลอด​ ไม่กล้าดูไม่กล้ามองอะไรทั้งสิ้น)​ เราลองพยายามทำอยู่ 2-3 ครั้ง เบ่งให้สุด​ ไม่ออก...  พยาบาลเขาก็ช่วยลุ้น​ ช่วยบิวท์และทำเสียงเหมือนช่วยเราเบ่ง​ (ตอนนั้นหมอยังไม่มา​ น่าจะติดคนไข้ข้างนอก)​ พยาบาลบอกเบ่งอีก​คุณแม่เบ่งอีก​ ตอนนั้นเรารวบรวมแรงฮึด​ เหมือนเฮือกหายใจสุดท้ายของเรา​ รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเบ่งสุดแรง สุดชีวิต​.. 1-2-ซั่มม..!!พรวดด!! คลอดแล้ว​ เราได้ยินพยาบาลบอกเวลา​ 12.53​ น.ทันทีที่ลูกคลอด​ เราหายเจ็บทันทีเหมือนปลิดทิ้ง​ ตอนนั้นเราหมดแรงน้้ำตาเราค่อยๆไหล​ เราหายจากความเจ็บทรมาณจิง​ แต่ในใจปวดร้าวบอกไม่ถูกจิงๆ)​ แต่... ยังไม่จบแค่นั้น หมอเข้ามาตอนนี้พอดี​ ได้ยินเสียงหมอพูดกับพยาบาลว่าคลอดแล้วใช่ไหม​ แต่ยังไม่หมด​ หมอบอกเราต้องคลอดรกด้วย เราถามหมอว่ายังมีอีกหรอคะ?​ คือเพิ่งจะหายจากทรมาณตะกี้แหม๊บๆ​ หมอบอกไม่อย่างนั้นคุณแม่จะตกเลือด​หรือต้องขูดมดลูก ต้องคลอดออกให้หมด พยาบาลมาช่วยนวดๆบริเวณท้อง แล้วคุณหมอก็ช่วยล้วงช่องคลอด​ เพื่อที่จะเอารกออก​ ตอนนั้นเราเจ็บมาก​ ไม่ต่างอะไรกับการคลอดเมื่อกี้ เราถามหมอว่าเราจะต้องเบ่งไหม คุณหมอบอกช่วยเบ่งก็ได้จะทำให้คลอดรกได้เร็วขึ้น​ ความเจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับการที่คลอดลูกเมื่อกี้เลย แต่ทีมหมอและพยาบาลดีมาก​ ช่วยเหลือและให้กำลังใจเราตลอดระยะเวลาที่เราทำการยุติการตั้งครรภ์​  คอยพูดให้กําลังใจ​ ไม่มีคำไหนที่ทำให้เรารู้สึกแย่เลย​ รู้สึกได้เลยว่าทีมหมอและพยาบาล ตั้งใจช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่​  ความเจ็บปวดและความทรมานจากการคลอดรกเสร็จสิ้นลงเวลา​ 13.10 น. พยาบาลมาทำความสะอาดตัวเรา​  เช็ดตัวที่เป็นแต่เลือด​  ทำความสะอาดช่วงล่าง เปลี่ยนผ้าปู เปลี่ยนเสื้อผ้า​ ใส่ผ้าอนามัยให้​ ทีมพยาบาลช่วยเหลือดูแลเราดีมาก​ (ตรงนี้ขอบคุณมากจิงๆ)​  พอเราเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จ​ สามีเดินเข้ามาหา​ มาลูบหัวมากอดเรา​ สามีบอกเราว่า​ "ไม่เป็นไรแล้วนะ​ มันผ่านไปแล้ว" สามีถามเราจะดูลูกไหม เราไม่กล้าดู​ เราทำใจไม่ได้​ สามีบอกดีแล้ว​ เราอย่าดูเลย​ เดี๋ยวเขาไปดูเอง แล้วสามีก็เดินออกไป​ สักแป๊บสามีเดินกลับมา​ บอกว่ามีอวัยวะครบหม บอกว่ามีอวัยวะครบหมดแล้ว นิ้วมือนิ้วเท้า หูตาจมูกปาก​ มีคิ้วแล้วแต่ผมยังไม่มี​ นิ้วมือนิ้วเท้าแขนขายาว​ สามีบอกว่าหน้าตาลูกเหมือนเค้า​ สามีบอกว่าดูลูกปกติมากเหมือนเด็กปกติ​  ดูไม่ออกว่าผิดตรงไหน​ เราบอกคงเป็นที่ภายใน​ และอายุครรภ์ค่อนข้างน้อยอาจจะยังดูไม่ออก แต่เพศไม่แน่ใจเพราะเห็นยังไม่ค่อยชัด​ (แต่หมอบอกน่าจะ​ผช.​ น่าจะนะ)​ เราก็แอบงงว่าทำไมตอนเราเจาะเลือดตรวจ​ NIPT.บอกเป็นผู้หญิง​แต่ไม่เป็นไร​ ไม่ได้ติดใจอะไร) พยาบาลเข้ามาถามว่าคุณพ่อคุณแม่จะรับลูกไปจัดการพิธีเอง​ หรือฝากโรงพยาบาลเป็นธุระจัดการให้​ ถ้าฝากให้โรงพยาบาลเป็นธุระจัดการให้เขาก็จะทำพิธีที่วัดแถวๆโรงพยาบาล แล้วในวันทำพิธีคุณพ่อคุณแม่สามารถไปร่วมงานได้​ เราเลยฝากให้โรงพยาบาลเป็นธุระจัดการให้​ แล้วตัวเราจะไปร่วมในพิธีวันจริงอีกครั้งหนึ่ง​ เรานอนโรงพยาบาลอีกคืนนึง​  โดยย้ายไปนอนห้องพิเศษ แล้วกลับบ้านในตอนสายๆของวันที่ 25 พค.​ หมอออกใบรับรองแพทย์ให้ 2 อาทิตย์ในการพักรักษาตัว​ และนัดมาติดตามผลอีก 1 อาทิตย์ถัดไป *วัน​ ส​ ที่​ 1​มิย.2562​ ที่วัดสาครสุ่นประชาสรรค์​* เจ้าหน้าที่นัดเจอเราที่วัดเพื่อทำพิธีราวๆเวลา 13:00 น.​ ลูกของเราถูกบรรจุไว้ในกล่องกระดาษประมาณน่าจะลังเบียร์ เขียนติดหน้ากล่องว่าทารกเพศหญิง บุตรของนางสาว............. เกิดเมื่อวัน​ ศ​ ที่ 24 พฤษภาคม​2562 เวลา​ 12.53​ น.​  วันที่เราไปประกอบพิธีให้ลูก ก็มีคุณแม่อีกท่านหนึ่งที่ผ่านการยุติการตั้งครรภ์และมาทำพิธีเหมือนกันกับเรา​ บางทีเราก็ปลอบใจและให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่ใช่มีแต่เรา ที่สูญเสียลูกอันเป็นที่รักไป​ จากการยุติการตั้งครรภ์​  มีคนที่ยังประสบเรื่องราวเหมือนกันกับเรา​ แต่บางทีเราแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง..? พระได้ทำพิธีสวด​ เราและสามีถวายสังฆทานและกรวดน้ำพร้อมกันไปด้วย​ หลังจากที่พระได้สวดเสร็จสิ้นลง​  เจ้าหน้าที่บอกให้คุณพ่อพาลูกขึ้นไปบนเมรเผา​ วางดอกไม้จันทร์​ แล้วทำพิธีเผา​ เป็นอันเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่าหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว​ กระดูกก็ไม่ต้องเก็บเพราะน้องยังตัวเล็กมาก​ คงไม่เหลือชิ้นส่วนอะไรไว้มากนัก​ ขอแค่วันพรุ่งนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญอีกครั้งที่วัดแถวบ้านให้ลูก​ อย่าลืมก็พอ.. *อาทิตย์ที่​ 2​ มิย.2562* วันนี้มาทำบุญให้ลูกอีกครั้ง​ ตรงวันพระพอดีด้วยเลย​ ป่ะป๊ากับมามี๊ขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี​ อยากให้ลูกรับรู้ไว้ว่า ลูกคือของขวัญและความตั้งใจของป่ะป๊าและม่ามี​๊​ ถ้าม่ามี๊ยังมีบุญได้อุ้มชูลูก​ ถ้าเราสามคนยังมีบุญที่จะได้เกิดมาร่วมกันเป็นพ่อแม่ลูก​ แม่ขอให้ลูกกลับมาอยู่กับปะป๊าและมามี้ใหม่อีกครั้งนะ​ แม่ขอให้ลูกครบ 32 ประการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา​ เพราะนั่นคือความปรารถนาอันสูงสุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว​ ปะป๊ากับม่ามี้รักลูก ลูกจะอยู่ในความทรงจำของปะป๊าและมามี๊ตลอดไป​ ทุกวันนี้แม่ยังคงร้องไห้และคิดถึงลูกอยู่ตลอดเวลา​ อยากให้ลูกรู้ว่าป่ะป๊ากับม่ามี๊รักลูกสุดหัวใจ​ ❤️.... รักลูก.... ❤️ อีกสิ่งที่อยากขอบคุณ​ คือทีมแพทย์และพยาบาลรพ.เปาโลโชคชัย​ 4​ มาก​ คุณหมอเจ้าของเคสคุณหมอพลากุล​ ระงับพิษ​ (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ดูแลให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดีและดีมาก ถ้ามีโอกาสในการตั้งครรภ์อีกครั้ง​ จะกลับไปฝากครรภ์กับคุณหมอท่านเดิม​ ขอบคุณทีมหมอและพยาบาลจริงๆ​.. จากใจแม่คนหนึ่ง??

17 ตอบกลับ
 profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

คุณแม่อายุเท่าไหร่คะ สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้

5y ago

ยิ่งอายุมากความเสี่ยงก้อยิ่งมากขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ใช่ค่ะ คุณไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่ตัดสินใจแบบนี้แต่ใจคุณแม่สู้มาก ขอให้มีลูกที่สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนะคะ คุณแม่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับลูกเพราะคุณรักลูกมาก จึงไม่อยากให้เค้าต้องทุกทรมานกับความบกพร่องของร่างกาย คุณแม่ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ คุณแม่ทำเต็มที่แล้วค่ะยังไงก้อเป็นกำลังใจให้นะคะ

อ่านเเล้วน้ำตาคลอตามเลย สู้ๆนะคะคุณแม่

อ่านไปจะร้องไห้ เป็นกำลังใจให้นะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่นะคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

อ่านไปร้องไห้เลยคะ

เสียใจด้วยคะ

คำถามที่เกี่ยวข้อง