อยากแชร์ประสบการณ์การคลอดค่ะ เพิ่งมีเวลามาลง หลังจากพักฟื้นจากการผ่าคลอด ก่อนหน้านี้ ตั้งใจแน่วแน่มากว่าจะคลอดเอง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 ไปตามนัดฝากครรภ์ที่คลินิก อายุครรภ์ 38 สัปดาห์ คุณหมอ ตรวจขนาดกระดูก เชิงกราน ว่าจะสามารถคลอดเองได้ไหม ปรากฏว่าปากมดลูกเปิด 2 เซน ซึ่งก่อนหน้านี้แม่มีอาการท้องแข็ง แต่ไม่ได้แข็งทุก 5-10 นาที เลยไม่ได้เอะใจว่าตัวเองใกล้จะคลอด ก็คิดว่าเจ็บท้องเตือน เพราะกำหนดคลอด 1 กุมภาพันธ์ สรุปวันนั้นหมอเลยสั่งให้แอดมิดเตรียมคลอด ออกจากคลินิกปุ๊บก็ไปที่โรงพยาบาล ตามที่หมอสั่ง เพราะ ตะกร้าเตรียมคลอดเตรียมใส่ไว้ในรถ เรียบร้อยแล้ว เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน พอไปถึงพยาบาลก็ตรวจปากมดลูกอีกรอบ ก็เปิด 2 เซน จนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ หมอสั่งให้ใช้ยาเร่งคลอด ก็นอนเจ็บท้องวนไป เจ็บมาก แต่ทนได้ ผ่านไปหลายชั่วโมง พยาบาลก็มาตรวจปากมดลูกอีกรอบก็ยังอยู่แค่ 2 เซน หมอเลยสั่งระงับยาไว้ก่อนเพราะปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มเลย จนมาถึงตอนเช้าเลยคุยกับหมอ ว่าขอยาเร่งคลอดอีกรอบ ถ้าปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มจริงๆก็จะผ่า หมอบอกว่าโอเคตามนั้น แต่ผ่าช่วงบ่ายนะ ซึ่งเราก็โอเค หลังจากนั้นก็ทนปวดท้องไปถึงเที่ยง พยาบาลก็มาตรวจปากมดลูกอีกรอบก็อยู่แค่ 2 เซนครึ่ง ดูท่าแล้วไม่น่าจะเปิดเพิ่ม หรือเปิดก็เปิดช้า ซึ่งเราจะต้องทนปวดท้องทรมานอีกนานกว่าจะเปิดครบ10 เซน เราก็เลยขอหยุดยา และผ่าตามที่คุยกับหมอในช่วงบ่าย และก็ถึงเวลาเวรเปลก็มารับเข้าไปที่ห้องผ่าตัด เราเลือกบล็อกหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด พอถึงเวลาหมอก็ให้นอนขดตัวงอเพื่อฉีดยาชาเข้าที่ไขกระดูกสันหลัง ไม่เจ็บเลย เจ็บน้อยกว่ามดกัด เราก็นึกว่ามันจะเจ็บมาก ไม่ถึง 3 นาทีเริ่มชาจากหน้าอกลงไปถึงขา พยาบาลผู่วยแพทย์ผ่าตัดก็เอาสายอะไรไม่รู้เยอะแยะมาติดตามตัว วัดความดันตลอดการผ่าตัด พยาบาลก็ชวนเราคุยโน่นนี่นั่น ระหว่าผ่าไม่รู้สึกอะไรเลย รู้แค่ตอนกดท้องรู้สึกจุกนิดเดียว หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตานี่ไหลเลย ความรู้สึกแรกที่ได้ยินเสียงลูก แล้วพยาบาลบอกเวลาเกิด 15.00 น. วันที่ 19 ม.ค. 63 น้องเกิดด้วย นน. 3,050 กรัม ก็เอาลูกมาให้ดูเพศชายนะคะคุณแม่ แล้วก็เอามาให้หอมแก้มไปฟอดนึง ใช้เวลาในการผ่าน่าจะครึ่งชั่วโมงได้ เสร็จก็เข็นออกจากห้องผ่าตัด ลงมาที่ห้องพักพิเศษ พักไป 3 วัน 3 คืน เจ็บแผลมาก แต่มีความสุขมากเช่นกันเมื่อเห็นหน้าลูก มองดูลูกหลับก็คิดว่านี่แหละคือความสุขของเราคือชีวิตของเรา ...