กำเนิดหนึ่งชีวิต

ห้องคลอดทุกห้องต้องมีนาฬิกา อย่างน้อยหนึ่งเรือน ถ้ามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การคลอด คุณจะเห็นพยาบาลคนหนึ่งคอยเหลียวมองนาฬิกาเรือนนั้นทันทีที่ทารกคลอดออกมา เธอจะขานเวลาบนหน้าปัดตัวเลขชั่วโมง-นาทีจะไปปรากฏบนสูติบัตร ในช่องว่างหลังคำว่าเวลาคลอด และวันที่บนปฏิทินวันนั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวอีกหลายใบในฐานะวันเกิด วันที่ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา ขณะพยาบาลขานเวลา แพทย์จะใช้ลูกยางสีแดง ดูดน้ำคร่ำ-ที่อาจค้างอยู่-ออกจากปากและจมูกของทารก หลังแน่ใจว่าทารกหายใจเองได้ แพทย์จะใช้แคลมป์สองตัวหนีบสายสะดือไว้ รับกรรไกรที่พยาบาลยื่นส่งให้ จากนั้นจึงใช้มันตัดลงไประหว่างแคลมป์ทั้งสองตัว ฉับ! เลือด 2-3 หยดกระเซ็นอาบคมกรรไกร เลือดไม่กี่หยดนั้นเอง คือหลักฐานที่ช่วยยืนยันว่า ชีวิตก่อนการเกิดของพวกเรา มีอยู่จริง คนทั่วไปมักสับสนระหว่าง รก และสายสะดือ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จนกระทั่งมาเป็นแพทย์ ผมจึงได้รู้ และได้เห็นว่า รกและสายสะดือนั้น มีรูปร่าง และหน้าที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด รกเป็นก้อนกลมๆ นุ่มๆ แบนๆ ดูคล้ายแผ่นพิซซ่า ขณะที่สายสะดือมีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ คล้ายสปาเก็ตตี้ รกแปะอยู่ที่ด้านในผนังมดลูกของแม่ โดยมีสายสะดือ ทำหน้าที่เชื่อมต่อ ระหว่างรกและทารก ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองนึกถึงสารคดีวิทยาศาสตร์สักเรื่อง ที่นักบินอวกาศต้องลอยเคว้งคว้างอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก สภาพนั้นไม่ต่างกันนัก กับสภาพของทารกในครรภ์มารดา ขณะทารกน้อยลอยคว้างท่ามกลางน้ำคร่ำในโพรงมดลูก สายสะดือ คือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้กับยาน "แม่" ภายในสายสะดือคือ เส้นเลือดหลายเส้น ทารกจะได้รับสารอาหารจากแม่ผ่านเลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือดเหล่านี้ ขณะเดียวกันของเสียที่ทารกมี ก็จะถูกส่งผ่านเส้นเลือดเหล่านี้กลับไปยังแม่ของเขา และเข้าสู่ระบบกำจัดของเสียของแม่ต่อไป อาจพูดได้ว่า ช่วงหนึ่งในชีวิต เราทุกคนเคยดื่ม กิน ขับถ่าย และหายใจผ่านร่างกายแม่ของเรา คนทั่วไปอาจเรียกมันว่า สายสะดือ แต่สำหรับผมมันคือ "สายสัมพันธ์" สายสะดือคือ สิ่งยืนยันว่าชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก่อนหน้าวันเกิดของเรา เป็นชีวิตที่แตกต่างจากที่เราเคยเข้าใจ เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยสองหัวใจ กับหนึ่งสายสัมพันธ์ ในห้องคลอด ผมคือชายที่ถือกรรไกร คุณอาจรู้สึกว่า ผมคิดมากเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย กรรไกรในมือของผมกำลังจะเปลี่ยนชีวิตที่ปลายทั้งสองของสายสะดือ วินาทีที่ผมกดคมกรรไกร นั่นคือวินาทีแรกที่สองชีวิตต้องแยกจากกัน หลังจากนั้น ทารกน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหายใจด้วยปอดของเขาเอง เรียนรู้ที่จะกินได้เองด้วยปากของเขา ขับถ่ายได้เองด้วยระบบขับถ่ายของเขา เขาจะค่อยๆ เติบใหญ่ มีความคิด มีการรับรู้ และมีการสร้างความเข้าใจโลกของตัวเองขึ้นมา เขาจะเริ่มงอแงเมื่อบางอย่างไม่ได้อย่างใจ เขาจะเริ่มหงุดหงิด เมื่อคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเขา เขาจะเริ่มพูดว่า แม่ไม่เคยเข้าใจผมหรอก เขาจะเริ่มบอกว่า แม่ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน และวันหนึ่งเมื่อเติบโตจนถึงวัย เขาก็จะจากแม่ของเขาไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมอยากมีชีวิตของตัวเอง มาคิดๆ ดู ทั้งหมดนี้อาจเริ่มมาจากวินาทีที่คมกรรไกร ถูกกดลงไปบนสายสะดือ จากกรรไกร สองชีวิตจึงจากกันไกล เมื่อชีวิตหนึ่งสามารถดำรงชีวิตด้วยตนเองได้ สายสัมพันธ์ก็ไม่ใช่สายสำคัญอีกต่อไป มันกลายเป็นสายที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นสาย ที่ไร้ความหมาย กลายเป็นสายที่เกินไป กลายเป็นสายเกินไป สิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่การตัดสายสะดือ คุณอาจรู้สึกว่าผมโทษตัวเองเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย หมออย่างผมนี่แหละที่เป็นคนทำลายหลักฐานว่าแม่และทารกเคยเป็นหนึ่งชีวิตเดียวกัน แน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่โลกภายนอกไม่ได้ต้องการสายสะดือเหมือนโลกในครรภ์ และด้วยเหตุนั้น แพทย์อย่างผมจึงมีหน้าที่ต้องกำจัดมันไป โดยทั่วไปผมจะตัดสายสะดือให้เหลือตอสั้น ๆ ประมาณ 2 เซนติเมตรจากหน้าท้องของทารก ตอนี้จะค่อยๆ แห้งและหลุดไปไม่กี่วันหลังจากนั้น สายสะดือส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปกำจัดพร้อมกับเศษเนื้อเยื่อและชิ้นเนื้ออื่น ๆ ของโรงพยาบาล นับจากวันนั้น เรื่องราวของชีวิตก่อนการเกิด ก็กลายเป็นเพียงอดีตที่สูญหาย เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่าเคยมีอยู่จริง สายสะดือก็เลยกลายเป็นเหมือนสายลับ สายลับที่คอยลักลอบส่งอากาศและอาหาร สายลับที่ทำงานโดยไม่เคยเรียกร้อง ต้องการอะไร สายลับที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตา เป็นสายเลือดที่น้อยคนนักจะตระหนักว่ามันเคยมีอยู่จริงๆ การคิดว่า อยู่ๆ ชีวิตก็เกิดขึ้นมาในวันเกิด อาจทำให้คุณพลาดความหมายบางอย่างของชีวิต เพราะความจริงแล้ว ชีวิตที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ ไม่มีช่วงเวลานั้น ไหนเลยจะมีคุณมานั่งอ่านบทความนี้ ผมเขียนบทความนี้เพื่อไถ่โทษให้กับการกระทำของตัวเอง ผมคือชายถือกรรไกร ผมทำลายหลักฐานทุกอย่างของชีวิตก่อนการเกิด ของใครหลายคน แน่นอน ผมไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันที่จะพิสูจน์สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ดี ผมอยากให้คุณได้เห็นอะไรบางอย่าง ผมหวังว่ามันคงช่วยยืนยันสิ่งที่ผมเขียนมาได้บ้าง ขอเพียงคุณเปิดใจมากพอ เลิกชายเสื้อขึ้นดูสิครับ สิ่งที่ผมพูดถึงคือสิ่งที่อยู่กลางท้องของคุณ มองผ่านคราบขี้ไคลลงไป ลองใช้มือสัมผัสมันดูก็ได้ รู้สึกมั้ย นั่นแหละชีวิตก่อนการเกิดของคุณ ฉับ! สำหรับคนทั่วไปเสียงกรรไกรครั้งนั้น เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง แต่สำหรับใครคนหนึ่ง เสียงนั้นไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไรเลย เพราะหลังจากสายสัมพันธ์เส้นนั้นถูกตัดไป ใครคนนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ส่งอาหาร จัดการเรื่องการขับถ่าย แม้กระทั่งดูแลเรื่องการหายใจให้กับใครอีกคนอย่างที่เธอเคยทำ เพียงแต่ครั้งนี้ เธอทำมันผ่านสายสัมพันธ์ทางใจ และเท่าที่ผมเห็นมา สายสัมพันธ์นี้ กรรไกรคมแค่ไหนก็ไม่สามารถตัดมันให้ขาดจากกันได้เลย ขอขอบคุณ นพ. คุณากร วรวรรณธนะชัย เจ้าของบทความ

9 ตอบกลับ
undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยนี่แหละหนอคำว่าแม่ยิ่งไหญ่กว่าอาไรทั้งปวงแม้ลูกจะเติบโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กสำหรับแม่เสมอแม่มีความสุขตอนที่ได้เห็นหน้าเจ้าครั้งแรกคนแปลกหน้าที่อยากรุ้จัก

วันหนึ่งคงคิดถึงช่วงเวลานี้ค่ะ ช่วงชีวิตที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต มันสำคัญและมีความสุขที่สุดของคนเป็นแม่และรู้สึกว่าเค้าอยู่กับเราตลอดเวลาเสมือนคนๆเดียวกันค่ะ

อ่านแล้วน้ำตาซึม อีกสองเดือน จะได้เป็นแม่แล้ว จะได้เจอหน้าลูกน้อยที่ถนอมมาตลอดหลายเดือนแล้ว เหมือนฝันที่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง

บทความที่ทำให้ตระหนักว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยอยู่ในท้องแม่เหมือนลูกที่อยู่ในท้องเราในตอนนี้

ชีวิตที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจะเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ ❤

เป็นบทความที่ดีมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหลออกมาเองเลย

VIP Member

ลึกซึ้งจริงๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะแม่ ที่มาแชร์ให้ได้อ่านกัน

ซึ้งเลยค่ะ

VIP Member

😭😭