ประสบการณ์การฝากครรภ์และการคลอดในช่วงโควิด

การฝากครรภ์ - เราฝากที่ธนบุรีคลินิกค่ะ เพราะตามคุณหมอท่านหนึ่งของรพ.ทหารเรือไป เราฝากพิเศษ เวลานัดตรวจครรภ์ก็ไปที่คลินิกเอาค่ะ - ฝากครรภ์ครั้งแรกจะมีการสอบถามประวัติ ข้อมูลต่างๆ ประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แล้วก็มีการเจาะเลือดค่ะ - เวลานัดในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 คุณหมอจะนัด 1 เดือนครั้ง ถ้าไม่มีสภาวะแทรกซ้อน หรือเสี่ยงอะไร ของเรามีสภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดค่ะ ทำให้ช่วงไตรมาสที่ 2 หมอนัดทุกๆ 2 อาทิตย์ค่ะ แล้วไตรมาสที่ 3 ก็นัดทุกๆ 2 อาทิตย์เหมือนกันค่ะ - ข้อดีคือ ประหยัดเวลา ไม่ต้องรอนาน แวะไปหลังเลิกงานก็ได้ค่ะ - ข้อเสียคือ ใช้เงินมากกว่ารพ.ทหารเรือค่ะ เตรียมตัวก่อนไปคลอด - จัดกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีของใช้ของตัวเองและก็ของคนเฝ้าด้วยนะคะ - ผ้าอนามัยแบบห่วง (ถ้าไม่ได้เตรียมไปที่รพ.มีขายค่ะ ห่อละ 40/45฿) - ของใช้ของน้อง เสื้อผ้า แพมเพิส ผ้าอ้อม สำลี(ที่รพ.มีให้ค่ะ แต่เสื้อผ้าจะเป็นเนื้อผ้าแข็งๆ เตรียมไปเองจะดีกว่าค่ะ) - เอกสารแจ้งเกิด(สำเนาบัตรประชาชนของพ่อกับแม่, ทะเบียนบ้านตัวจริง, สำเนาทะเบียนบ้าน) - ก่อนไปรพ.ให้แม่ๆอาบน้ำสระผมไปก่อนเลยนะคะ ถ้าผ่าคลอดจะอาบน้ำไม่ได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ การคลอด - เข้าไปที่รพ.ทหารเรือ ถ้ายังไม่เคยมีประวัติต้องไปทำประวัติที่เวชระเบียนก่อนค่ะ ถึงจะไปพบหมอที่แผนกสูตินรีเวชได้ - ต้องมีการตรวจโควิดก่อนคลอดนะคะ ของเราตรวจ 2 รอบคือ รอบแรกตรวจ ATK จากคลินิก แล้วรอบสองตรวจ RT-PCR ที่รพ.ค่ะ ถ้าผลออกมาว่าไม่ติดถึงจะสามารถคลอดที่รพ.ทหารเรือได้ค่ะ - หลังจากที่ผลตรวจโควิดออกแล้ว ให้ญาติไปติดต่อเรื่องจองห้องนะคะ จะรู้ว่าห้องประเภทไหนว่างหรือไม่ว่าง จะเช็คได้วันที่จะคลอดเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ - ในระหว่างที่ญาติไปติดต่อเรื่องจองห้อง ตัวเราจะถูกพาไปที่ห้องเตรียมคลอดค่ะ ไปถึงก็ให้ถอดเครื่องประดับ ของมีค่าต่างๆ เก็บไว้ในกระเป๋าเพื่อให้ญาติมาเอากลับไปนะคะ ที่นี่ไม่ให้พกแม้แต่โทรศัพท์ค่ะ - เข้าไปในห้องเตรียมคลอด จะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดของรพ. โกนขนหัวหน่าว เราถูกเร่งคลอด ก็ต้องเจาะเพื่อใส่สายน้ำเกลือค่ะ ในกรณีที่ผ่าคลอดต้องใส่สายสวนปัสสาวะด้วยนะคะ ช่วงพักฟื้น - ตลอดเวลาที่อยู่รพ. ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด ห้ามถอดเด็ดขาดค่ะ แม้ตอนที่อยู่ในห้องพักฟื้นแล้วก็ตามค่ะ - หลังจากที่คลอดแล้ว ทางรพ.จะไม่นำน้องมาให้เลี้ยงนะคะ ถ้าญาติที่เฝ้าเราไม่ทำการตรวจโควิด ดังนั้นถ้าอยากจะเลี้ยงน้องที่รพ. ต้องแจ้งทางคุณหมอให้ตรวจญาติที่เฝ้าเราด้วยนะคะ ให้ตรวจพร้อมกับเราไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ ของเราไม่รู้ว่าถ้าญาติไม่ตรวจไม่ได้เจอน้อง เลยไม่ได้ทำการตรวจตั้งแต่แรกค่ะ ต้องมาเสียเวลารอผลตรวจในวันที่ 2 ที่อยู่รพ.เป็นวันๆเลย พยาบาลถึงจะพาน้องมาให้ - ที่นี่ป้อนนมน้องด้วยขวดนมนะคะ ไม่แน่ใจว่าเพราะสถานการณ์โควิดหรือป่าว มันส่งผลทำให้น้องไม่ยอมเข้าเต้าค่ะ แล้วก็ทำให้น้องติดจุกค่ะ อันนี้คือเรื่องที่เราคิดว่าไม่โอเคมากๆค่ะ - ที่นี่ไม่มีคลินิกนมแม่ ทำให้แม่มือใหม่อย่างเราไม่รู้วิธีการพาน้องเข้าเต้าค่ะ - ช่วงโควิดไม่มีการสอนอาบน้ำน้องนะคะ พยาบาลจะให้เอกสารที่มี QR Code เพื่อดูวีดีโออาบน้ำน้องมาค่ะ วันที่ออกจากรพ. - จ่ายค่าใช้จ่ายก่อน ถึงจะไปรับตัวน้องได้ค่ะ - หลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายหมดแล้ว ให้เอาใบเสร็จไปรับตัวน้องที่ห้องเด็กอ่อนค่ะ พยาบาลจะพาน้องมาให้ แล้วก็ให้ไปมาใบนึงให้ไปยื่นกับรปภ.ข้างล่างค่ะ (ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อป้องกันการพาน้องหนีจากรพ.ก่อนเคลียร์ค่าใช้จ่ายค่ะ) - ของใช้น้องที่น้องใช้อยู่ที่รพ. พวกแพมเพิส ยาต่างๆ พยาบาลจะเก็บใส่กระเป๋ามาให้ด้วยนะคะ เพราะว่าเขาคิดรวมไปกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วค่ะ - ทางรพ.จะให้สมุดชมพู ใบนัดฉีดวัคซีนของน้อง กับใบนัดของเรา อย่าลืมเช็คข้อมูลด้วยนะคะ การคลอดในรพ.รัฐมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ โดยส่วนตัวเราคิดว่า ถ้าไม่คิดอะไรมากรพ.รัฐก็โอเค ทั้งหมอและพยาบาลค่ะ แต่ถ้าเป็นพ่อแม่มือใหม่เลยรพ.รัฐอาจจะไม่ได้ช่วยแนะนำอะไรมากนะคะ รพ.จะไม่บอกข้อมูลถ้าเราไม่ถามค่ะ ถ้าแม่ๆ มีกำลังที่สามารถคลอดรพ.เอกชน เราแนะนำให้ไปเอกชนดีกว่าค่ะ ยิ่งเป็นแม่มือใหม่ด้วยแล้ว ยิ่งแนะนำเลยนะคะ เราหวังว่าข้อมูลที่เล่ามาจะมีประโยชน์ให้กับแม่ๆทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ
เป็นคนแรกที่ตอบกลับ
คำถามที่เกี่ยวข้อง