**กล้วยบดไม่ใช่อาหารของทารกแรกเกิด

**กล้วยบดไม่ใช่อาหารของทารกแรกเกิด . คุณแม่ท่านหนึ่งถามป้าหมอดังนี้ . "สวัสดีค่ะคุณหมอ ลูกหนูเค้าไม่กินนมหนู หนูเลยต้องให้กินนมผง ตอนนี้ลูกหนูอายุเพียง 12 วันเอง ยายเค้าก้อป้อนกล้วยผสมข้าวให้แล้ว หนูเถียงเค้าไม่ได้ ลูกหนูอายุแค่นี้เอง จะเป็นไรรึเปล่าคะ อันตรายหรือเปล่าคะ" . สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวเผชิญ คือ ความรู้ที่ได้รับจากโรงพยาบาลที่สนับสนุนนมแม่ อาจมีความขัดแย้งกับความรู้หรือภูมิปัญญาจากรุ่นคุณปู่ย่าตายาย ความขัดแย้งนี้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากความรู้ที่ญาติผู้ใหญ่ได้รับมาจากคุณหมอรุ่นก่อน ตอนที่ความรู้เรื่องนมแม่ยังมีไม่มาก ย่อมไม่เหมือนกับความรู้ในปัจจุบัน และเชื่อเถอะว่า ในเวลานั้น สมัยที่ญาติผู้ใหญ่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็ต้องมีความขัดแย้งกับพ่อแม่ของญาติผู้ใหญ่เช่นกัน เราจึงต้องยอมรับว่า ความคิดเห็นไม่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องปกติ . พ่อแม่มือใหม่บางคน ใช้วิธีพาญาติผู้ใหญ่ มาพบคุณหมอที่สนับสนุนเรื่องนมแม่ เพื่อฟังคำแนะนำพร้อมๆกัน ทำให้ท่านได้รับข้อมูลที่ทันสมัย มีเหตุผลว่า ทำไมคำแนะนำในปัจจุบันจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว ความขัดแย้งจะลดลง . แต่หากญาติผู้ใหญ่ไม่มีโอกาสมาพบหมอโดยตรง คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีเข้าเว็บไซต์ แล้วพิมพ์ข้อมูล ให้ท่านได้อ่าน หรือ อ่านหนังสือ/ดูดีวีดี "สร้างชีวิตมหัศจรรย์ด้วยน้ำนมแม่" ที่ป้าหมอเขียน . ยกตัวอย่างความขัดแย้งในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องการให้นม ทำไมไม่ให้น้ำ แต่พอหมดเรื่องนี้ อีกไม่กี่เดือนคุณก็จะพบกับปัญหาเรื่องการให้อาหารเสริมของเจ้าตัวน้อย พอลูกโตอีกหน่อยก็จะพบกับเรื่องการฝึกวินัยลูกน้อย คุณไม่ตามใจเพราะกลัวลูกเสียนิสัย แต่ผู้อาวุโสตามใจเพราะไม่อยากให้หลานร้องไห้ กลัวเสียสุขภาพจิต กลัวกลายเป็นเด็กขี้โมโห ทั้งๆที่ไม่เป็นจริง และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะมาทำให้คุณปวดหัว บางครั้งก็ปวดใจ แต่ให้คุณพ่อคุณแม่นึกไว้เสมอว่า ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้ทุกข์หรือมีไว้ให้ท้อใจ และที่สำคัญ ชีวิตน้อยๆ นั้นคือ ลูกของเรา ค่อยๆหาทางแก้ไขความขัดแย้ง โดยใช้สติ และ ความใจเย็น . หากมีความคิดขัดแย้งกัน แต่คุณแม่มีความมั่นคงต่อหลักการ โดยพยายามหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ว่าสิ่งใดที่ดีและเป็นประโยชน์ และเป็นโทษในระยะยาวสำหรับลูกมากกว่ากัน ระหว่างนมผงและนมแม่ และอดทนต่อเสียงร้องไห้ประท้วงของลูกในกรณีจำเป็นต้องหักดิบเรื่องการติดขวด โดยพยายามเอาเข้าเต้าให้มากที่สุด ถ้าลูกลืมขวดนมได้ เขาจะยอมดูดเต้าอย่างมีความสุขได้ในที่สุด ...การร้องไห้มากๆในช่วงนี้ ไม่ได้ทำให้กลายเป็นเด็กอารมณ์ไม่ดี หรือ ขี้หงุดหงิดไปจนโตอย่างที่หวั่นเกรงกันค่ะ ให้คุณแม่คุณพ่ออดทนต่อเสียงบ่นว่าของคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจหลักการของการให้นมแม่ เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน เหตุการณ์จะเริ่มคลี่คลาย ลูกจะเริ่มเลี้ยงง่ายขึ้น และระยะยาวจะเห็นผลของการให้นมแม่ว่าดีต่อลูกมากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้ว ญาติผู้ใหญ่จะเข้าใจและเห็นคุณค่าของนมแม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ และเรื่องอาจลงเอยอย่างมีความสุขอย่างคุณแม่ท่านนี้ . “ตอนท้อง เราพยายามหาความรู้เรื่องนมแม่จากแหล่งต่างๆให้มากที่สุด แต่ตอนคลอดลูกคนแรก เรื่องมันไม่ง่ายเลย ที่จะประคับประคองให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จไปตลอดรอดฝั่ง เพราะแม่ของเราจะคอยบอกเราให้ทำสิ่งที่ขัดแย้งกับเราตลอด เช่น ทำไมไม่ให้น้ำ ทำไมไม่เสริมนมผง ทำไมไม่ป้อนกล้วยตอนลูก 2 เดือน ทำไมไม่ให้กินข้าวตอน 4 เดือน ทำไม 6 เดือนแล้วยังไม่เลิกให้นมแม่ นมหมดประโยชน์แล้ว แม่จะคอยว่าเราตลอด เราก็ฟังแล้วเฉยๆมาตลอด พยายามไม่เครียดตามไปด้วย ...แต่น้องสาวของเราคลอดลูกพร้อมๆกัน เธอทำตามที่แม่บอกทุกอย่าง ปรากฎว่า ลูกของน้องสาวป่วยบ่อยมาก เพราะได้กินนมแม่ไม่นาน ต้องเข้าโรงพยาบาลปีละหลายครั้ง การเจริญเติบโตและพัฒนาการก็ไม่ดีเท่าลูกของเรา . พอเราคลอดลูกคนที่สอง แม่ก็ไม่เคยมาบอกหรือแนะนำอะไรเราอีกเลย เราก็แกล้งแกว่งหาเสี้ยน ถามแม่ว่า ทำไมไม่เห็นมาแนะนำให้กินน้ำกินนมผงเหมือนกับคนแรก แม่ตอบว่า เรื่องของเรา อยากทำอะไรก็ทำไป ดีซะอีก ประหยัดค่านม พอเรามีคนที่สาม ตอนนี้แม่เป็นลัทธินมแม่แล้ว แม่จะคอยบอกทุกคนที่รู้จักให้ลูกกินนมแม่ แถมบอกให้เราช่วยพิมพ์ข้อมูลความรู้เรื่องนมแม่ไว้ให้ แกจะเอาไปแจกคนรู้จัก ถ้าเห็นคนท้องเดินผ่านหน้าบ้าน ถึงไม่รู้จัก ก็จะเข้าไปแนะนำขายตรงเรื่องนมแม่ทันที” . บ้านไหน ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ถือว่าโชคดีมากๆค่ะ เพราะคุณแม่จะลดความเครียดไปได้เยอะเลย เพราะบางคนเครียดมากจนน้ำนมหดไปเลย . เครดิตรูป : amarinbabyandkids ทารกมีปัญหาลำไส้อุดตันเนื่องจากป้อนกล้วย ขอบคุนข้อมูลจาก สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

**กล้วยบดไม่ใช่อาหารของทารกแรกเกิด
1 ตอบกลับ
undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

โดนประจำจ้าาา ตามที่กล่าวมาทั้งหมด

คำถามที่เกี่ยวข้อง