5 ตอบกลับ
เย้ๆ เราเจอเพื่อนแล้ว จะมาแชร์ประสบการณ์ให้นะคะ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับแม่ก่อนเลยนะคะ ก่อนท้องเราก็เคยกังวลเหมือนกันค่ะว่าคนอ้วนจะท้องได้หรือเปล่า แต่พอเราปล่อยแค่เดือนเดียวและมีอะไรกับแฟนเพียงครั้งเดียวก็ติดเลยค่ะ ครั้งเดียวจริงๆ มาแบบเซอร์ไพรส์มาก เราไม่เคยคิดเลยว่าร่างกายเราจะแข็งแรงขนาดนี้ นึกว่าคนอ้วนจะติดลูกยากค่ะ ก่อนท้องเราหนัก 113 กก. ตอนนี้ 31 สัปดาห์แล้ว (7 เดือน) ปัจจุบันหนัก 117 กก.ค่ะ นับว่าขึ้นมาน้อยมาก (ที่จริงโชคดีเพราะช่วง 3 เดือนแรก นน.ลดลงไปเหลือ 110 กก. ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลย) แต่ลูกแข็งแรงมาก เติบโตดี น้ำหนักลูกตอนนี้เกินเกณฑ์ด้วยซ้ำค่ะ (สัปดาห์นี้เด็กที่จริงควรหนัก 1,500 กรัม แต่ลูกเราหนัก 1,800 กรัมแล้วค่ะ) และเมื่อสัปดาห์ที่ 27 ไปเจาะเบาหวาน ก็ไม่เป็นเบาหวานอีก ทั้งๆที่เรามีพันธุกรรมมาจากแม่ (ค่าเบาหวานแค่ 116) นับว่าท้องลูกคนนี้โชคดีมากค่ะ ลูกทำให้แม่สบายมาก ไม่เคยแพ้ท้องอะไรเลยกินทุกอย่างได้หมด ไม่มีเหม็นหรืออาเจียน หน้าก็ไม่เป็นฝ้าด้วย ท้องก็ไม่ลายไม่แตก ใช้ชีวิตปกติมากค่ะ เคล็ดลับเรื่องเบาหวานของเราก็คือ จะกินปกติเท่าที่เคยกินก่อนท้องค่ะ ไม่ต้องกินเป็นสองเท่านะคะ หมอบอกว่าลูกสามารถหาสารอาหารที่สะสมไว้ในตัวแม่ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินดับเบิ้ลค่ะ เน้นเนื้อสัตว์และโปรตีนมากกว่าคาร์โบไฮเดรตนะคะ เนื้อสัตว์เช่นไก่,ปลา,เต้าหู้ สำหรับข้าวซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตถ้าเป็นไปได้ก็ควรกินข้าวกล้องนะคะ (แต่เราก็กินข้าวขาวเป็นปกติค่ะ มีบางวันกินข้าวกล้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่ข้าวขาวมากกว่า) ลดพวกน้ำหวานลงด้วยค่ะ เมื่อก่อนเราชอบชาดำเย็นมาก กินทุกวันเลย พอท้องก็กินน้อยลงค่ะ โกโก้ยังกินบ้าง แต่กาแฟเย็นงดเลยค่ะ โค้กหรือน้ำอัดลมก็กิน แค่พอหายอยากและดับกระหายเท่านั้น ไม่กินทุกวันค่ะ ผลไม้กินได้พวกฝรั่ง,แอปเปิ้ล,แก้วมังกรค่ะ หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีน้ำตาลเยอะเช่นทุเรียน ลิ้นจี่ ลำไย (โชคดีที่เราเป็นคนไม่ชอบกินทุเรียนอยู่แล้วรอดตัวไปค่ะ 555) ผลไม้มีข้อดีคือได้ใยอาหาร แต่ผลไม้บางชนิดก็มีแป้งมากเช่นมะม่วงดิบ ควรหลีกเลี่ยงค่ะ ถ้าวันไหนที่กินนมวัวแล้วก็จะไม่กินน้ำเต้าหู้ จะสลับวันกันค่ะ อันนี้หมอบอกมาค่ะว่า ให้กินแค่วันละ 1 หน่วยเท่านั้น คำว่า 1 หน่วยหมายความว่า นมวัวนับเป็น 1 หน่วย, น้ำเต้าหู้นับเป็น 1 หน่วย, โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวนับเป็น 1 หน่วย วันไหนกินโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวแล้วก็ไม่ต้องกินนมวัวหรือน้ำเต้าหู้ค่ะ ระวังเรื่องโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวด้วยนะคะ มีน้ำตาลเยอะมาก และน้ำเต้าหู้ก็ดูเหมือนจะมีประโยชน์ที่มีโปรตีน แต่คาร์โบไฮเดรตก็เยอะมากเช่นกันค่ะ และก็ไม่ได้กินนมวัวทุกวัน เพื่อป้องกันลูกแพ้นมวัวค่ะ สำหรับเรื่องครรภ์เป็นพิษ หมอทักเราแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่ฝากครรภ์ครั้งแรก ว่าหญิงตั้งครรภ์ที่อ้วนมากมีสิทธิ์จะครรภ์เป็นพิษค่ะ แนวทางการรักษาของหมอคือ หมอจะจ่ายยาเบบี้แอสไพริน (aspirin 81) ให้ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 12 ไปจนถึงอายุครรภ์ 8 เดือนค่ะ เป็นยาต้านเกล็ดเลือดและลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษค่ะ เพื่อนเราก็อ้วนมากก่อนตั้งครรภ์เหมือนกัน และเป็นเบาหวานก่อนตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ หมอก็จ่ายยาตัวนี้ให้เหมือนกันค่ะ สำหรับเรื่องมือเท้าบวม ส่วนตัวเราจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยบวมเลยนะคะ ยังเดินเหินสบาย บางครั้งก็ลืมตัวเดินเร็วด้วยซ้ำ ขึ้นบันได 3 ชั้นก็ได้ ไม่เหนื่อยเลยค่ะ เพื่อนที่ทำงานหรือใครๆก็ทักว่าเราไม่เหมือนคนท้องเลย เราแข็งแรงมากและคล่องมาก ตอนเดือนที่แล้วที่ท้องยังไม่ป่องออกมามาก มีแต่คนทักว่า ไม่รู้เลยว่าท้อง เหมือนคนอ้วนธรรมดาค่ะ แต่พอมาเดือนนี้คนเริ่มเห็นแล้วว่าท้องเรานูนออกมาแล้ว เพิ่งจะเหมือนคนท้องสักที 555 เรื่องน้ำหนักตัว สำหรับคนอ้วนเหมือนพวกเราที่มีค่า BMI สูง หมออนุญาตให้น้ำหนักขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์เพียงแค่ 9 กก. นะคะ หรือถ้าจะให้ดี ช่วง 3 เดือนแรกไม่ต้องให้น้ำหนักขึ้นเลย และช่วงเดือนหลังๆให้ขึ้นได้แค่ไม่เกิน 2 กก. ต่อเดือน ลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานค่ะ หมอไม่ให้ลดน้ำหนักขณะตั้งครรภ์นะ แต่ให้ใช้การคุมอาหารเอาค่ะ หมอชมเราว่าอัตราน้ำหนักขึ้นดีมาก ความดันก็ไม่สูง อยู่ในเกณฑ์ที่หมอพอใจค่ะ หมอบอกว่าเราอาจจะน้ำหนักลดลงด้วยซ้ำถ้าคลอดลูกแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เราดีใจมากค่ะ😄 ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ มีอะไรก็เขียนมาคุยกันได้ค่ะ ขอให้ใช้ชีวิตสบายๆไม่ต้องห่วง แค่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติค่ะ การแพทย์สมัยนี้วิวัฒนาการไปมากแล้ว ขอให้เชื่อมั่นในมือหมอ เราอยู่ใกล้หมอแล้วไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ
คุมอาหารเลยค่ะ เสี่ยงเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ คุณแม่เน้นโปรตีนลีนๆ ผักเยอะๆนะคะ ของหวานผลไม้หวานๆกราบให้งดเลยค่ะ น้ำเปล่าดื่มเยอะๆ
ควบคุมอาหารได้เลยค่ะแม่ งดหวาน มัน เค็ม แป้ง น้ำตาล เน้นโปรตีน และผักผลไม้ค่ะ
คุมน้ำตาลดีๆ คนท้องบางคนอยากหวานแบบเราเป็นต้น ต้องหักห้ามใจนะแม่555
ปรึกษาคุณหมอดีกว่าค่ะ
ดวงใจของแม่