ยาวหน่อยนะคะ

สวัสดีคะวันนี้จะมีเรื่องมาเล่าให้ฟังคะดิฉันอายุ 21 ปี ฉันตั้งท้องเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 พึ่งมารู้ตัวตอนเดือนธันวาคม เนื่องจากมีอาการมึนหัวนอนไวตื่นสายไม่มีแรงเลยเอะใจแล้วว่าต้องท้องแน่ ๆ เลยซื้อที่ตรวจมาผลสรุปท้องจริง ๆ ตอนแรกฉันยังไม่ได้บอกใครว่าท้องบอกแค่แฟนที่คบกันอยู่ (แฟนอายุ 18) "ฉันห่างกับแฟน 3 ปีคะ สาเหตุที่มาคบกันได้เพราะฉันกับมาเรียนใหม่เลยได้เจอกันสนิทสนมกันเพราะชอบเล่นเกมเหมือนกันเลยได้มาเป็นแฟนกันฉันคบกับเขามา 1 ปี จนท้อง" ตอนที่บอกแฟนว่าท้องแฟนก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะเขาแค่ตอบว่าไม่รู้! ฉันถามเขาทุกอาทิตว่าจะทำยังไงแต่คำตอบที่ได้ก็มีแต่คำว่าไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้...... ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันท้องได้แค่ 3 อาทิตย์ ตอนนั้นฉันรู้สึกเบื่อกับการกระทำและคำพูดของเขามาก ๆ เลยทำให้ทะเลาะกันจนเลิกกัน ฉันเลยให้เพื่อนของฉันคอยถามเขาตลอดว่าเรื่องท้องจะทำยังไงแต่คำตอบของเขาคือ "เรื่องของมึงมันไม่ใช่ลูกกู" ฉันเลยตัดสินใจโทรบอกพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันให้โทรไปบอกแม่ของฝั่ง ผช. ให้ และสิ่งที่ ผช. คนนั้นไปบอกครอบครัวของเขาคือไม่ใช่ลูกเขา พอฝั่งที่บ้านดิฉันรับรู้ว่าฉันท้องพ่อโกรธมากเพราะเป็นปีสุดท้ายแล้วที่ฉันกำลังจะเรียนจบ..... จึงตัดสินใจเอาแม่, ลุง, ป้า ของฝั่ง ผช. มาคุยกับทางบ้านเราระหว่างที่คุยกันตกลงกันว่าถ้าลูกออกมาเขาจะขอตรวจ DNA เราเลยบอกว่าถ้ามันตรงขอฟ้องกลับนะคะ ลุงของฝั่ง ผช. พูดว่าไม่ฟ้องแล้วถ้ามันใช่เขาก็จะรับผิดชอบซึ่งเรามองว่าเขาไม่ให้เกียรเราเขาเห็นแก่ตัว (เราเจ็บใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้) หลังจากคุยเสร็จก็แยกย้ายกันกลับพ่อของฉันไม่พอใจเขาจึงไม่อยากให้เก็บเด็กในท้องไว้จะให้เอาออก โทรติดต่อเจ้าหน้าที่อะไรเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ไปทำ ตอนนั้นระยะเวลาผ่านเกือบจะเข้าเดือนที่ 3 แล้ว แม่ดิฉันพาไปตรวจที่คลินิกว่าเด็กเป็นตัวหรือยังขณะที่หมอซาวหมอพูดว่า "ดูสินี่แขนนะนี่ขานะเห็นไหมแบ่งกล้ามให้คุณแม่ดูด้วย" คือตอนนั้นดิฉันรู้สึกน้ำตาตกในมากๆ นี่ฉันกำลังจะไปเอาเขาออกหรอ... ผ่านไป 1 อาทิต ดิฉันหนีไปทะเลคะเป็นที่เดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายทำให้รู้สึกปลอดภัย ขณะที่ดิฉันยังอยู่ที่ทะเลดิฉันโทรไปบอกแม่ว่า "สรุปจะเอาออกใช่ไหมตอนนี้หนูอยู่ที่ชลฯ นะ ถ้าจะเอาออกหนูจะโทรไปบอกแม่ของฝั่ง ผช. ให้เขาโอนเงินมาแล้วหนูจะขึ้น กทม. ไปเอาออกเลย" พอคุยกันเสร็จตกลงกันว่าอีกวันจะโอนเงินมาให้ ผลสุดท้ายพ่อของฝั่ง ผช. ไม่ให้เอาออกคะ ตอนนั้นพ่อก็โกรธ แม่ก็เกลียด ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่บอกแม่ว่าถ้าพ่อเขาอยากฟ้องจริง ๆ ก็เก็บเด็กไว้ ถ้าเด็กโตเมื่อไหร่เราค่อยไปฟ้องฉันพูดทั้งน้ำตา ฉันรู้สึกผิดมากที่ทำให้พ่อผิดหวัง และตอนนี้ฉันก็ได้แต่บอกว่าฉันอาจจะเป็นลูกที่แย่แต่ฉันจะเป็นแม่ที่ดีให้ได้ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตามแต่ฉันจะพยายามไม่ให้ลูกรู้สึกขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแน่นอนทุกครั้งที่มองหน้าลูกน้ำตามันไหลและคิดในใจว่านี่หรอคนที่เราพยายามจะไปเอาออกเมื่อตอนนั้นถ้าตอนนั้นฝั่ง ผช. โอนเงินมาให้เด็กคนนี้คงไม่ได้ลืมตาขึ้นมาและดิฉันคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มคงไม่เห็นยินเสียงร้องไห้อันไพเราะของลูก (เด็กคนนี้คือสิ่งที่วิเศษที่สุดคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เคยมีมา) ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

ยาวหน่อยนะคะ
465 ตอบกลับ
undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

สู้ๆ นะคะแม่ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

คำถามที่เกี่ยวข้อง