แชร์ประสบการณ์บอกที่บ้านว่าท้อง

บอกที่บ้านว่าท้องกันอย่างไรบ้าง มาแชร์กัน

7 ตอบกลับ
undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

เราอายุ25แล้ว ทำงานกำลังไปได้สวย เป็นความหวังของที่บ้าน เป็นเหมือนไข่ในหิน เรียนไม่เคยอยู่หอ อยู่บ้านมาตลอด ที่บ้านหัวโบราณมาก จนทำงานย้ายออกไปอยู่คนเดียวในคอนโดใกล้ที่ทำงาน แฟนก็แวะเวียนมาตามประสา โดยที่บ้านไม่รู้ เราป้องกันมาโดยที่แฟนใส่ถุงยาง ถ้าไม่ใส่เราก็กินยาคุม แต่น้องก็มา ธรรมชาติเราเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว2-3เดือนมาที ด้วยความที่ป้องกันด้วยเลยไม่เอะใจอะไร อยู่ๆเหมือนมีอะไรดิ้นในท้อง ตอนแรกคิดว่าตะคิว ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ดิ้นอีก ที่นี้ตัดสินใจตรวจครรภ์สรุปว่า “ท้อง” ยอมรับเลยว่าเครียดมาก คิดจะเอาน้องออก ร้องไห้ฟุมฟาย แฟนก็ให้กำลังใจ แล้วบอกว่าจะเอายังไงก็เอากัน เวลาผ่านไปสองถึงสามวันแฟนและเราเริ่มมีความผูกพันกับสิ่งที่ดิ้นในท้อง จนแฟนไม่ยอมให้เอาออกถ้าเอาออกจะเลิกแล้วแยกย้ายกันไป เรายอมรับว่าใจอยากเอาออกแต่ดูวิธีหรือข้อมูลต่างๆกลัวมากๆใจเราไม่กล้าเลยและสงสารตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องด้วย เราตัดสินใจพากันไปอัลตราซาวด์เพื่ออยากรู้อายุครรภ์ว่าเท่าไหร่แล้ว เพราะเรามั่นใจว่า มกราคม-เรายังมีประจำเดือน ยังไงก็ไม่เกิน3-4เดือน พออัลตราซาวด์เท่านั้นจึงรู้ว่าน้อง6เดือนแล้ว แข็งแรงและเป็นเด็กผู้หญิง เราสองคนตัดสินใจเอาน้องไว้ โดยที่ผ่านมาเราไม่มีอาการแพ้ท้องใดๆ ไม่อ้วนขึ้นไม่ผิดปกติ แถมยังไปเที่ยวต่างจังหวัดโดดน้ำกันสูงเท่าตึกสองสามชั้น ไม่เคยระวังตัวเลย คุณหมอจึงรีบวางแผนบำรุงน้อง พร้อมกำชับการใช้ชีวิตที่ถูกที่ควรของคนตั้งครรภ์ ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่การบอกคนที่บ้าน ตัวเราอยู่กับพ่อและย่ามาตั้งแต่เล็ก (พ่อแม่แยกทางกัน)พ่อดุมาก เรามักมีปากเสียงกันประจำ เราคิดว่าพ่อต้องด่าตัดพ่อตัดลูกแน่ๆ เราตัดสินใจโทรหาพ่อหลังอัลตราซาวด์ได้สามวัน เรา:พ่อว่างไหมมีเรื่องจะคุยด้วย พ่อ:ว่าไงพูดมาเลย เรา:หนูท้อง พึ่งรู้ว่าท้อง พ่อ:กี่เดือนแล้ว เรา:6เดือน แต่หนูอยากเอาออก พ่อ:ไม่ต้องเอาออก เรา:หนูขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ทำให้ที่บ้านต้องอายคน หนูขอโทษ(ร้องไห้หนักมาก) พ่อ:ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เรียนก็จบแล้ว งานก็มีทำแค่เร็วไปหน่อยนึง แล้วก็หยุดร้องไห้ได้ละเป็นลูกพ่ออย่าร้องไห้ การที่ท้องเร็วไม่พร้อมคือหนูพลาด แต่การที่จะเอาออกเป็นความผิด ผิดที่ให้อภัยไม่ได้ พลาดแล้วอย่าทำผิด เราโล่งมาก และผิดคาดสุดๆที่พ่อไม่ว่าอะไรเราเลย แล้วยังให้กำลังใจ ปกป้องเราว่าถ้าใครนินทาก็ทำเฉยๆอย่าใส่ใจ หลังจากนั้นเรากับพ่อก็คุยกันต่างๆนานาๆรวมถึงเรื่องครอบครัวแฟนว่ารู้เรื่องไหมเรียกผู้ใหญ่มาคุย และพ่อเราจัดงานแต่งของเราสองคนโดยใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ สินสอดทองหมั้นต่างๆเป็นเงินเก็บของแฟนที่เราไม่เคยรู้เลยว่าเค้ามี แต่พ่อเราก็คืนให้ทั้งหมดเพื่อเป็นเงินตั้งตัวและไว้เลี้ยงดูหลานเค้า งานของเราเช้าพิธีสงฆ์จัดที่โรงพยาบาลสงฆ์เพื่อความเรียบง่ายและทำบุญให้กับพระอาพาธ ได้แต่งงานได้บุญด้วยมีแค่พ่อแม่เราและพ่อแม่เค้าที่มาในตอนเช้า ส่วนงานเย็นเราจัดกันเหมือนงานกินข้าวทำบุญบ้าน ที่เรียกบุฟเฟต์มาประมาณ70หัวเผื่อเหลือเผื่อขาด แฟนเราจบเอกดนตรีมาก็เลยชวนเพื่อนๆมาเล่นนิดๆหน่อยๆไม่ให้เงียบเหงา ไม่มีการพิมพ์การ์ดแจกซองใดๆคิดว่ามีแค่ญาติสนิทสองฝ่ายไม่เกิน50คน บอกแค่ปากต่อปากและเพื่อนสนิทเท่านั้น สรุปในวันงานแขกมาถึงเกือบสองร้อยคน กลายเป็นงานใหญ่ไปแล้ว โดยที่เป็นงานที่อบอุ่นมากๆ เราไม่คิดว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ ต้องขอบคุณครอบครัวเราทั้งสองฝ่าย และพ่อเราที่เป็นพ่องานะให้ออกมาดีแบบนี้ เราไม่เคยคิดเลยว่าทุกอย่างจะดีแบบนี้ การมีลูกเร็วไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป ครอบครัวเรากลับมารักกันมากขึ้น ปกป้องกันมากขึ้น แคร์กันมากขึ้น พ่อแม่แฟนก็ดูแลดี แฟนเราก็ขยันทำมาหากิน วางแผนต่างๆให้ลูก เค้าโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถ้าเราตัดสินใจเอาน้องออกในวันนั้นชีวิตเราจะแย่ขนาดไหน ต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ทำมากน้อยเพียงใด ขอบคุณเจ้าตัวเล็กในภาพอัลตราซาวด์ที่ทำให้แม่เปลี่ยนใจ ตอนนี้น้อง32w4dแล้ว อีกไม่นานคงได้เจอหน้ากัน อยากฝากไว้สำหรับคนที่คิดจะเอาออก การเอาเด็กออกไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป อันตรายมากๆ และใครที่กำลังกังวลกับการบอกที่บ้าน คนที่บ้านสำคัญและเข้าใจเราที่สุดแล้ว ขอให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเจอปัญหานี้นะคะ สู้ๆ สุดท้ายขอแนบภาพคืนวันงานแต่งน่ารักๆสักรูปนะคะ🙏🏻👶🏻🤵🏻👰🏻

อ่านเพิ่มเติม
Post reply image
คำถามที่เกี่ยวข้อง