9 ตอบกลับ

อาการแพ้ท้องเป็นอย่างไร อยากอาเจียน คุณแม่จะรู้สึกอึดอัดท้องและหน้าอกมากจนต้องอาเจียนออกมา เมื่ออาเจียนออกมาตอนท้องว่างและไม่มีอะไรออกมา คุณแม่จะรู้สึกทรมานมาก (บางคนถึงกับต้องยอมกินทั้งที่ไม่อยากกิน เพราะหากไม่มีอะไรตกถึงท้องก็จะรู้สึกคลื่นไส้อยู่ตลอดเวลา) เหม็นไปหมด อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติไม่มั่นคง ทำให้คุณแม่อาจรู้สึกไม่สบายในทันทีเมื่อได้กลิ่นเหม็น ๆ เช่น บางคนอาจรู้สึกไม่ชอบกลิ่นอาหาร เช่น เนื้อ กลิ่นกระเทียม กาแฟ กลิ่นน้ำหอมที่เคยชอบกลับไม่ชอบ บางทีก็รู้สึกเหมือนกลิ่นคุณพ่อ แต่บางทีก็รู้สึกหอมมากกับบางสิ่ง เช่น กลิ่นหุงข้าว กลิ่นไอน้ำจากของต้ม เหนื่อยง่าย รู้สึกเหน็ดเหนื่อย อยากนอนหลับตลอดเวลา เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นมีผลทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัวเหมือนยากล่อมประสาท ภายในร่างกายมีการเผาไหม้อาหารสำหรับทารกตัวน้อยมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงและสูญเสียพลังงานมากขึ้น ถ้าคุณแม่ได้พักผ่อนก็จะสบายขึ้น อยากกินอะไรแปลกๆ บางครั้งคุณแม่อาจอยากกินอาหารแปลก ๆ เช่น อาหารที่มีรสเปรี้ยวอย่างมะม่วง มะกอก มะดัน ฯลฯ หรือจู่ ๆ ก็ไม่สามารถกินของที่ตัวเองเคยชอบได้ และบางครั้งก็อยากกินของที่ไม่เคยชอบอย่างมาก แต่คุณแม่บางรายก็ไม่อยากจะกินอะไรเลยก็มี ซึ่งอาจเป็นเพราะมีอาการขมเฝื่อนในปาก เพราะร่างกายเปลี่ยนไป ทำให้กินอาหารไม่อร่อย ปวดแสบลิ้นปี่ ในช่วงที่คุณแม่มีอาการแพ้ท้องและอาเจียนบ่อย ๆ อาจมีอาการแสบบริเวณลิ้นปี่เกิดขึ้นตามมาได้ เพราะน้ำย่อยที่อาเจียนออกมาทำให้แสบหลอดอาหารและคุณแม่อาจมีความรู้สึกขมที่ลิ้น รู้สึกเจ็บปวดในอก และอาจกระจายถึงคอ จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บคอและมีอาการไอเรื้อรังได้ นอกจากนี้อาการปวดแสบลิ้นปี่ยังอาจเกิดจากการที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารได้รับผลกระทบ จึงอาจมีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารและระคายเคืองหลอดอาหารจนทำให้คุณแม่รู้สึกแสบที่ลิ้นปี่ได้ อารมณ์แปรปรวน รู้สึกหงุดหงิด และอาจปวดศีรษะบ่อยขึ้น แต่ไม่รุนแรงมากนัก ง่วงนอนตลอดเวลา คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้า นอนเท่าไรก็ไม่เต็มอิ่ม

#3 อย่าปล่อยให้ท้องว่าง เมื่อมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน สิ่งสุดท้ายที่คุณมักจะนึกถึงก็คืออาหาร แต่อย่างไรก็ตาม หากแม่ท้องกินอาหารตามเวลาในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่อดอาหาร เมื่อในท้องมีอาหารก็จะช่วยต่อสู้กับอาการแพ้ท้องได้ หากปล่อยให้ท้องว่างก็จะทำให้คลื่นไส้มากกว่าเดิม ดังนั้นอาจจะหาขนมหรือขนมปังติดบ้านหรือติดตัวไว้เวลาหิว หรืออาจจะใช้วิธีเปลี่ยนจากการกินอาหารมื้อปกติสามมื้อ มาเป็นอาหารมื้อเล็กห้ามื้อดูก็ได้นะครับ #4 ดื่มน้ำมากๆ หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้องควรดื่มน้ำมากๆ หรืออาจจะดื่มน้ำผลไม้ หรือนมเพิ่มไปก็ได้ ซึ่งของเหลวเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ นอกจากนั้นการดื่มน้ำมากๆยังจะช่วยป้องกันอาการเหนื่อยล้า อาการบวม และอาการวิงเวียนศีรษะ อีกทั้งลูกน้อยในครรภ์ยังได้รับประโยชน์จากน้ำที่แม่ท้องดื่มเข้าไปด้วย เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่เซลล์ ลำเลียงวิตามิน แร่ธาตุ และฮอร์โมนให้กับเซลล์เม็ดเลือด ซึ่งจะส่งผ่านรกไปยังลูกในครรภ์ได้

#5 ฝึกสมาธิ ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้ท้อง หากแม่ท้องได้มีการนั่งสมาธิเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียด ก็จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้บ้าง นอกจากนั้นยังเป็นการทำให้จิตใจซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกในท้องนะครับ #6 นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ยิ่งแม่ท้องมีอาการอ่อนเพลียมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้อาการแพ้ท้องยิ่งแย่ลงมากขึ้นเท่านั้น คุณควรฟังเสียงร่างกายของคุณ เพราะบางครั้งมันก็ส่งสัญญาณเพื่อจะบอกกับคุณว่า ถึงเวลาที่คุณควรนอนพักผ่อนบ้างได้แล้วล่ะ หากคุณมีงานคั่งค้างหรือมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย อย่างน้อยควรหาเวลาสั้นๆเพื่องีบหลับระหว่างวันก็พอช่วยได้อยู่บ้าง หากคุณแม่ท่านใดมีเคล็ดลับ รับมืออาการแพ้ท้อง ที่ลองแล้วได้ผลดี ก็สามารถนำมาแชร์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับผู้อ่านท่านอื่นได้ทราบบ้างนะครับ

6 เคล็ดลับ รับมืออาการแพ้ท้อง อาการแพ้ท้อง หรือ Morning Sickness เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ กว่า 80 % ของหญิงตั้งครรภ์มักจะมีอาการแพ้ท้อง โดยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ และอ่อนเพลียมากกว่าปกติ อาการแพ้ท้องมักจะมีอาการชัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ และมีอาการมากที่สุดประมาณช่วงสัปดาห์ที่ 8 – 10 ของการตั้งครรภ์ แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อมีอายุครรภ์มากกว่า 3 เดือน สาเหตุหลักของอาการแพ้ท้องมาจากการที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเอชซีจี (HCG – Human Chorionic gonadotropin) ที่รกสร้างสูงขึ้น คนท้องแต่ละคนก็จะมีอาการแพ้ท้องต่างกันไป บางคนแพ้ท้องตลอดการตั้งครรภ์ บางคนก็แทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเลย เรามี เคล็ดลับ รับมืออาการแพ้ท้อง มาฝากครับ

#1 กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยเปเปอร์มินท์ แม่ท้องมักจะมีความไวต่อกลิ่นต่างๆ ซึ่งกลิ่นบางกลิ่นก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ แต่กลิ่นหอมบางกลิ่นก็ช่วยลดอาการแพ้ท้องได้เช่นกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยเปเปอร์มินท์ โดยคุณอาจเติมน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้ไว้ในห้องตอนกลางคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็จะสามารถช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ #2 ขิง ขิง เป็นสมุนไพรที่ช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ ท้องผูก และอาการแสบร้อนได้เป็นอย่างดี คุณแม่สามารถดื่มน้ำขิงสดผสมกับชาเพื่อลดอาการแพ้ท้อง รวมทั้งสามารถนำไปผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น หรือชงดื่มร้อนๆก็ได้นะครับ

อาการแพ้ท้อง เป็นยังไง อาการแพ้ท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียมากกว่าปกติ และจะเริ่มแสดงอาการขึ้นเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 3 สำหรับสาเหตุของการเกิดอาการแพ้ท้องนั้น ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มักเชื่อว่าเป็นผลมาจากร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเอชซีจี (HCG – Human chorionic gonadotropin) ที่รกสร้างสูงขึ้น

ไม่มีจ้า เดี๋ยวตอนหลังก็กินได้ แพ้อยุ่2 เดือนเต็มๆ 70 วันคร่าวๆ แต่กินได้อยุ่ แค่อึดอัดท้องแล้วอ้วกบ้าง

เริ่มกินได้ช่วงหลัง16weekขึ้นไปจ้า แรกๆน้ำหนักก็ลดไป2-3กิโลเหมือนกัน

ขอบคุณมากค่ะ

คำถามที่เกี่ยวข้อง

คำถามยอดฮิต

บทความเกี่ยวข้อง