4 ตอบกลับ
ถ้ามีอาการคันไม่ปกติค่ะควรปรึกษาหมอ
ไม่ปกติจ้า ถ้ามีอาการคัน
คัน = ไม่ปกติ ต้องหาหมอค่ะ
คนท้องมีตกขาวไหม คนท้องมีตกขาวไหม คำตอบคือการตกขาวเป็นเรื่องปกติ คุณผู้หญิงแทบจะทุกคนมักจะต้องเจอกับอาการตกขาวขณะตั้งครรภ์ โดยที่คุณแม่ท้องบางคน อาจมีตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ไม่มากสักเท่าไหร่ ในขณะที่คุณแม่ท้องบางคน ก็อาจจะมีการตกขาวเยอะมากกว่า เพราะขณะที่คุณตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น เลยทำให้ผนังช่องคลอดผลิตเซลล์เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อลักษณะ และปริมาณของการตกขาวได้เช่นกัน ตกขาว คืออะไร ตกขาวคนท้องสีอะไร ตกขาว คือ การที่มีของเหลวใส สีขาว หรือสีขุ่น ๆ คล้ายนม ออกมาทางอวัยวะเพศของคุณผู้หญิง เนื่องจากในบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกนั้น จะมีการสร้างสารคัดหลั่งเพื่อหล่อเลี้ยง และหล่อลื่นช่องคลอดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการมีตกขาวนั้นถือเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของคุณผู้หญิงทุกคน โดยของเหลวที่เราเรียกกันว่าตกขาวนี้ จะมีแบคทีเรีย และเนื้อเยื่อเก่า ๆ ที่คั่งค้างอยู่ภายในอวัยวะเพศออกมาด้วย หากมีตกขาวตอนตั้งครรภ์ ก็อาจจะถือได้ว่าเป็นการทำความสะอาดช่องคลอดของว่าที่คุณแม่ก็ได้ ลักษณะของตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ที่เป็นปกติ จะมีลักษณะเป็นมูกใส หรือขาวขุ่น คล้ายแป้งเปียก มีปริมาณไม่มากนัก โดยอาจมีทุกวัน วันละเล็กน้อย สำหรับลักษณะของตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ และปริมาณของตกขาวระหว่างตั้งครรภ์นั้น ขึ้นกับอิทธิพลของฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ท้องด้วย แต่การมีตกขาวระหว่างตั้งครรภ์นั้น ไม่ควรมีกลิ่น และสีที่แตกต่างไปจากที่กล่าวมา คนท้องมีตกขาวไหม ตกขาว ตั้งครรภ์ คนท้องมีตกขาวไหม ตกขาวตอนท้องอ่อนๆ อันตรายไหม ตกขาวตอนท้องอ่อนๆ เป็นอาการยอดฮิตที่ทำให้คุณแม่ท้องเกิดความกังวลใจ คิดว่าเกิดความผิดปกติขึ้นกับตัวเอง จนคุณแม่ท้องบางคนอาจจะคิดกังวลไปไกล ว่าจะมีผลต่อทารกในครรภ์อีกด้วย แต่จริง ๆ แล้ว การมีตกขาวตอนท้องอ่อนๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สนใจตัวเองเวลาที่มีตกขาวตอนตั้งครรภ์เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติเสียเลย แต่คุณแม่ท้องควรจะต้องสังเกตว่า ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ที่ออกมานั้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ อย่างไร หรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น คันบริเวณช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด หากมีอาการผิดปกติต่าง ๆ เกิดขึ้นร่วมกับอาการตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ ถึงแม้ว่าอาการมักจะไม่รุนแรง และไม่ก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อตัวคุณแม่ท้อง และลูกน้อยในครรภ์ แต่ก็ควรที่จะต้องไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป