6 ตอบกลับ
เป็นโรคหัวใจแล้วท้องจะเลือกคลอดแบบไหนดี ระหว่างเจ็บครรภ์คลอด คุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจจะเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ง่ายจากอาการเหนื่อยอ่อน และจากความเจ็บปวด ดังนั้น สูติแพทย์จึงมักต้องให้ยาระงับปวดแก่คุณแม่ โดยอาจจะให้ด้วยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือโดยการฉีดเข้าสันหลังก็ได้ และเมื่อถึงเวลาเบ่งคลอดเพื่อจะช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องเบ่งมาก สูติแพทย์ก็มักจะใช้เครื่องมือในการช่วยคลอด เช่น ใช้คีมช่วยคีบศีรษะลูกน้อยออกมา มีข้อน่าสังเกตว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจมักจะคลอดง่าย เนื่องจากเหตุผล 2 ประการคือ ประการแรกลูกมักจะตัวเล็ก และประการที่ 2 การที่เลือดในตัวคุณแม่มีการไหลเวียนไม่ค่อยดีจากหัวใจทำงานไม่ได้เต็มที่ จะทำให้เลือดไปคั่งอยู่ในบริเวณอุ้งเชิงกราน ผลดังกล่าวจะทำให้ปากมดลูกและปากช่องคลอดนุ่มมากและเปิดขยายได้ง่ายกว่าปกติ โดยปกติแล้วคุณหมอมักไม่ค่อยอยากที่จะผ่าตัดคลอด เพราะจะทำให้คุณแม่เสี่ยงหัวใจวายจากการเสียเลือดมากด้วยการผ่าตัด และจากการดมยาสลบได้ง่ายกว่าคุณแม่ปกติ คุณหมอจึงมักจะสงวนการผ่าคลอดไว้ทำเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เช่น ลูกหัวใจเต้นไม่ดี
วิธีดูแลคนที่เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง การดูแลแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ คุณหมอจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นราย ๆ ไปโดยมักจะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของโรคหัวใจที่เป็น และระดับความรุนแรงของโรคมาประกอบในการพิจารณาด้วยเสมอ ถ้าความรุนแรงของโรคไม่มากนัก คืออยู่ในระดับ 1-2 คุณหมอก็มักจะแนะนำให้ตั้งครรภ์ต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ทำงานหนักหรือหักโหมมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารเค็ม (เพราะจะทำให้มีการดึงน้ำเข้ามาในหลอดเลือดมาก ทำหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ) หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ในสถานที่ที่คนมาก ๆ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เป็นต้น เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อหัวใจวายได้ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องรับประทานยาตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด ในคุณแม่บางรายที่อาการของโรครุนแรงมาก เช่น อยู่ในระดับที่ 4 และเพิ่งจะตั้งครรภ์ไม่นานคุณหมอก็มักจะแนะนำให้ทำแท้ง เพราะถ้าปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไป คุณแม่อาจเสียชีวิตจากหัวใจวายได้
โรคหัวใจมีผลต่อลูกในครรภ์ สำหรับลูกน้อยในครรภ์ที่มีการเจริญเติบโตขึ้นทุกวัน ก็มีความต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ผลดังกล่าวทำให้หัวใจของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจแล้วท้องต้องพยายามสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงลูกมากขึ้น ในคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง ประสิทธิภาพของหัวใจจะลดลง ทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงลูกในท้องได้ไม่มากพอ ลูกของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจจึงมักมีการเจริญเติบโตได้น้อยกว่า ลูกของคุณแม่ที่ปกติ ซึ่งผลดังกล่าวจึงมักทำให้ลูกของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจคลอดออกมาตัวเล็กกว่าปกติ ความรุนแรงของโรคหัวใจ เมื่อเป็นโรคหัวใจแล้วท้อง แบ่งเป็น 4 ระดับ เป็นโรคหัวใจแล้วท้องแต่ยังทำงานได้ตามปกติ เป็นโรคหัวใจแล้วท้องแต่ทำงานตามปกติแล้วเหนื่อย เป็นโรคหัวใจแล้วท้องแต่ทำงานเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อย เป็นโรคหัวใจแล้วท้องแม้ไม่ทำงานอะไรก็ยังเหนื่อย กรณีนี้ถือว่าโรคเป็นรุนแรงที่สุด
วิธีดูแลแม่หลังคลอด คุณแม่ซึ่งเป็นโรคหัวใจที่ผ่านการตั้งครรภ์และการคลอดมาแล้ว ก็มิได้หมายความว่าหลังคลอดแล้วจะปลอดภัยเสมอไป แม้จะคลอดแล้วคุณแม่ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายได้จากภาวะต่างๆ อีกหลายประการ เช่น หลังคลอดถ้าให้ลูกดูดนมแม่ การดูดนมจะมีการกระตุ้นทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพื่อให้น้ำนมไหล ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวด้วยในบางรายมดลูกมีการบีบรัดตัว จนคุณแม่รู้สึกเจ็บมากก็อาจส่งผลให้เกิดหัวใจวายได้ คุณแม่บางรายแผลฝีเย็บมีการติดเชื้อหรือบางรายเต้านมมีการอักเสบ ผลดังกล่าวจะกระตุ้นให้หัวใจวายได้เช่นกัน ดังนั้น คุณแม่จึงต้องหมั่นคอยสังเกตอาการเจ็บมดลูก ดูแลเรื่องแผลฝีเย็บและเต้านมให้ดี หากรู้สึกผิดปกติต้องรีบบอกคุณหมอเพื่อการรักษาได้ทันท่วงที
เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายถึงคนที่ เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง ว่า การตั้งครรภ์ขณะที่คุณแม่เป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย ก่อให้เกิดปัญหาต่อทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ได้หลายประการ เช่น คุณแม่อาจจะเกิดภาวะหัวใจวายได้ ในขณะที่ลูกในครรภ์ก็มักจะมีการเจริญเติบโตไม่ค่อยดี คุณแม่ที่เป็นโรคนี้จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและอย่างระมัดระวังทั้งในขณะที่ตั้งครรภ์ ขณะคลอด และหลังคลอด ทั้งนี้ ชนิดของโรคหัวใจ มีมากมายหลายชนิด ทั้งชนิดที่เป็นความพิการมาตั้งแต่เกิด หรือเป็นโรคที่เกิดขึ้นในภายหลัง
โรคหัวใจกับการตั้งครรภ์ ปกติการตั้งครรภ์ก็ทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการที่จะเจ็บท้องแล้วไม่ยอมคลอด ตกเลือดหลังคลอด เสี่ยงต่อการผ่าตัดคลอด ฯลฯ แต่ถ้ามีโรคหัวใจร่วมด้วยความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น โรคหัวใจมีผลต่อตัวแม่ท้อง ขณะตั้งครรภ์ปริมาณเลือดในร่างกายของคุณแม่จะเพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 1 ลิตร เพื่อนำส่วนหนึ่งไปเลี้ยงลูก การเพิ่มปริมาณของเลือดเช่นนี้ในคุณแม่ที่ปกติจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง การที่ต้องแบกรับปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสหัวใจวายและเสียชีวิตได้ง่ายขึ้น