ท้องแล้ว สามีไม่ทำการบ้านเลยค่ะ
ก่อนที่จะรู้ว่าท้อง แฟนแอบพาผญ.ขึ้นห้องค่ะ พอจับได้ก็กะจะเลิก แต่ดันมารู้ว่าท้องก่อน ตอนบอกเขา เขาดีใจมากค่ะ โทรมาขอโทษโน่นนี่นั้น แต่ก็เหมือนยังไม่เลิกคุยกับคนนั้น เราตามจนเหนื่อยค่ะ บอกเลิกบ่อยมาก แต่ก็ไม่เลิก จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเขาเลิกคุยกันหรือยัง เพราะทำงานที่เดียวกัน แผนกเดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นตอนแรกก็ไม่รู้นะคะ แต่พอรู้แล้ว ก็เหมือนจะไม่เลิกยุ่ง ไม่รู้ว่าเขาแอบนัดไปมีอะไรกันหรือเปล่า เพราะตั้งแต่ที่จับได้ เราก็ไม่เคยมีอะไรกันเลยค่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็บ่อยอยู่ มีใครเป็นบ้างค่ะ ท้องแล้วไม่มีอะไรกับสามีเลย
ถ้าเขามีอะไรกันกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ดีแล้วค่ะที่แม่ไม่มีอะไรกันกับเขา ถ้ามีแล้วแม่กับลูกในท้องติดเชื้อขึ้นมาจะแย่นะคะ ปัญหาเรื่องเซ็กส์ และความต้องการทางเพศหากไม่เป็นไปตามปกติ หรือลดลง อาจทำให้ผู้ชายหลายคนแอบเเว๊บ ออกนอกลู่นอกทางได้ ซึ่งพบได้บ่อยๆว่า คุณแม่ตั้งครรภ์มักติดโรคร้ายจากสามี ที่แอบไปนอนกับคนอื่นและเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์ ส่งผลต่อสุขภาพแม่ หรือ ลูก หรือ ทั้งแม่และลูกในครรภ์ ซึ่ง6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ จากการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ได้แก่ 1.เอดส์ (HIV/AIDS) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจตรวจพบบ้างไม่พบบ้างในระหว่างฝากครรภ์ แต่หากตรวจพบก่อนคลอดจะเป้นการดีต่อทารกในครรภ์ หลังคลอดทารกต้องเข้่รับการรักษาโดยการรับประทานยาต้านตั้งแต่วันแรกที่คลอด 2.เริม (Herpes) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการแสดง จะมีตุ่มใสบริเวณอวัยวะเพศ เป็นทีก็ปวดแสบปวดร้อน ติดไปแล้วก็จะเป็นๆหายๆไปและเป็นตลอดชีวิต อาการจะกำเริบตามสุขภาพของเรา หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เชื้อผ่านไปยังทารก ทำให้พิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ และถ้าเป็นในช่วงใกล้ตลอด ทารกจะมีโอกาสเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ ร้อยละ 30-50 จากการคลอด 3.ซิฟิลิส(Syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แผลที่อวัยวะเพศ ตามมาด้วยระยะออกผื่น ระยะยาวอาจก่อให้เกิดอาการทางสมอง คุณแม่ตั้งครรภ์ถ้าเป็นซิฟิลิสมักจะเป็นชนิดแฝง กล่าวคือ ไม่มีอาการผิดปกติ แต่จะพบความผิดปกติจากการตรวจเลือดเท่านั้น มีน้อยรายที่จะพบลักษณะแผลหรือผื่นจากซิฟิลิส ดังนั้น แม่ตั้งครรภ์ครรภ์ทุกคนควรได้รับการ ตรวจ VDRL หรือ RPRเมื่อท้องอ่อน (1-3 เดือน) 1 ครั้ง และควรตรวจซํ้าอีกครั้ง เมื่อท้องแก่ (6 เดือน-คลอด) ทั้งนี้เพราะอาจมีโอกาสได้รับเชื้อจากสามีซึ่งอาจจะไปสำส่อนทางเพศมา หลังจากการตรวจเลือดครั้งแรกก็ได้ ถ้าพบว่า VDRL หรือ RPR ให้ผลบวก ควรตรวจเลือดชนิดพิเศษ เช่น FTA-ABS หรือ TPHA ซ้ำเพื่อ ยืนยันว่า ผลบวกนี้มิใช่ผลบวกปลอม ซึ่งอาจจะพบได้บ้างในแม่ตั้งครรภ์โดยวิธีการตรวจ VDRL หรือ RPR ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลค่อนข้างให้ความ 4.พยาธิ (trichomonas) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ที่ชื่อ Trichomonas vaginalis ปัจจุบันพบว่าลดลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีก่อน อาการเเสดงตกขาวเหม็นสีเขียว คันในช่องคลอด หากเป็นโรคนี้ในระหว่างการตั้งครรภ์ โรคพยาธิในช่องคลอดที่มีอาการรุนแรง อาจกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ แต่จะไม่มีการถ่ายทอดเชื้อไปที่ทารก 5.หนองในแท้ หนองในเทียม (GC/chlamydia) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2 โรคนี้มักมาเป็นแพคคู่ อาจมีแค่ตกขาวหรือลามเข้าไปถึงมดลูก-ปีกมดลูก จนอักเสบเป็นฝีหนอง มีผลมำให้มีบุตรยากหรือท้องนอกมดลูกในภายหลังได้โรคหนองในที่มีอาการรุนแรง อาจกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ นอกจากนี้ หากมีเชื้อหนองใน ในช่องคลอดทารกที่คลอดผ่านทางช่องคลอดมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อ โดยเฉพาะที่บริเวณเยื่อบุตา ในประเทศไทยจะมีการหยอดตาทารกแรกเกิดด้วย 1% Silver Nitrateทุกรายเพื่อลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อนี้ 6.หูดหงอนไก่ (genital wart, condyloma acuminata) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ลักษณะเป็นหูดที่เกิดที่อวัยวะเพศ รวมทั้งที่ทวารหนัก สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อเรียกว่า human papilloma virus หรือ HPV โดยทั่วไปมักพบเป็นติ่งเนื้อสีชมพูรวมกันเป็นก้อนคล้ายหงอนไก่ ตำแหน่งที่พบบริเวณแคมช่องคลอดและปากมดลูกของเพศหญิง ปกติโรคหูดหงอนไก่จะไม่มีอาการอะไร เว้นเสียแต่อาจมีการฉีกขาดเลือดออก หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม จึงทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนองได้ จำนวนและขนาดของหูดจะใหญ่ขึ้นในขณะตั้งครรภ์ในมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่นั้นไม่มีข้อบ่งชี้ให้ทำการผ่าตัดคลอด ยกเว้นแต่ว่าหูดหงอนไก่มีขนาดใหญ่มากและอาจทำให้เสียเลือดปริมาณมากขณะคลอด ก็จะทำการผ่าตัดคลอดลูก
อ่านเพิ่มเติมบ้านนี้พ่อก้เปนค่ะแต่ที่ทนอยุ่เพราะเราไม่ได้ทำงานเพราะฉะนั้นเราโฟกัสแค่ลูกก้พอส่วนพ่อก้ปล่อยเขาไปถ้าคนคิดได้เขาจะหยุดเอง✌✌✌
ขอบคุณค้ะ
อายุ4เดือน