17/11/64 วันเกิดของลูกชายแม่❤️
หลังจากที่นัดวันผ่ากับหมอ กลับมาบ้านแม่ก็กังวล
กลัว ตื่นเต้น หาอ่านรีวิวการผ่าคลอด ของแม่ๆ
ในแอพนี้ก็บอกไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็หยุดคิดไม่ได้
จิตตก ฟุ้งซ่าน กินข้าวไม่ลง
(นึกย้อนไปแล้ว ทำไมตัวเองบ้าบอขนาดนี้)
คืนก่อนมา รพ. ต้องนอนจับมือสามีตลอด
หลับๆ ตื่นๆ เช้ามืดมารพ. ก่อนเวลาผ่า เพื่อเตรียมตัว
หมอนัดผ่า 8 โมงเช้า พยาบาลติดเครื่อง NST ตรวจโควิด โกนขน เจาะสายน้ำเกลือเข็มไซส์ใหญ่ก็จะเจ็บหน่อย พยาบาลก็ชวนคุย ให้แม่ผ่อนคลาย ไม่ให้กังวล
ใจตอนนั้นก็พยามคิดว่า ไหนๆ มาถึงจุดนี้แล้ว อย่ากลัวซิวะ😩 จากที่ต้องผ่า 8 โมง หมอติดประชุม ต้องเลื่อนเวลาเป็น 8.30 น.
ถึงเวลาเดินเข้าห้องคลอด ห้องไม่ใหญ่มาก ในห้องรู้สึกอุ่นๆ เตียงผ่าตัดพอดีตัว ระหว่างนั้นพยาบาลก็มาติดเครื่องวัดความดัน คุณหมอที่จะทำการบล็อคหลัง ซักถามประวัติ
จัดท่าบล็อคหลัง คุณหมอคุยเก่งให้กำลังใจตลอด ทำให้แม่ผ่อนคลายได้เยอะเลย ความกลัวเริ่ม กลายเป็นแรงฮึดสู้
จะไม่ผ่าก็ไม่ได้แล้ว😆
ตอนบล็อคหลัง ไม่เจ็บเท่าเจาะสายน้ำเกลือ ไม่ถึง 5 นาที ขาเริ่มชา เหมือนไม่มีขา พยาบาลเอาม่านมากั้น ใส่สายออกซิเจน ตอนที่หมอผ่า รู้สึก เหมือนตัวโยกไปมา มีอะไรดันๆ ตรงใต้ราวนม
ตอนหมอเอาน้องออกมา แม่อุทาน โอย! คือจุกนะ
ไม่ได้เจ็บอะไร 😅 ตกใจด้วย พอได้ยินเสียงลูกเท่านั้น
น้ำตาไหลพราก มันคือที่สุดของที่สุด เห็นหน้าลูกยิ่งมีความสุข
อาการข้างเคียงจากยาบล็อคหลังแม่แค่หนาวสั่น
พอหมดฤทธิ์ยาชาหมด เริ่มปวดแผลเหมือนปวดประจำเดือน
แบบมากๆ บางทีปวดเสียวลงจิมิ
พยามพลิกตัวตะแคงซ้าย ขวา และพยามลุกนั่ง
ส่วนลูกน้อยแข็งแรงดี อยู่ที่ห้องเด็กแรกเกิด
ทางรพ. ยังไม่มีนโยบายเข็นมาที่ห้องพัก เนื่องด้วยโควิด
น้ำหนักน้อง 2,940 กรัม เยอะเกินที่แม่คาดไว้ สมแล้วที่แม่เลือกผ่า ถ้าคลอดเองไม่รู้จะเบ่งออกมั้ย
ประสบการณ์นี้สุดยอดจริงๆ แม่ๆ ที่กลัว จะบอกว่าไม่ต้องกลัวก็ไม่ได้ ถ้าคนมันกลัว ทำไงมันก็กลัว
แต่เพื่อลูกมันต้องสู้ค่ะ ✌🏻
#ลูกคนแรก
#ทีมลูกชาย
Anonymous