Parnisara Aing profile icon
GoldGold

Parnisara Aing, Thailand

ผู้ใช้งาน

About Parnisara Aing

ลูกชาย1คน

My Orders
Posts(5)
Replies(2)
Articles(0)

อาการที่คิดว่าปกติแต่ไม่ปกติ

ท้อง35+5 มีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ พร้อมกับท้องแข็งเป็นปั้นๆ แต่ไม่ได้แข็งถี่ๆ ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าเจ็บเตือนรึป่าว สองวันแรกเป็นๆหายๆคิดว่าไม่เป็นไรพอวันที่สามเป็นแล้วจุกทั้งวันพอกินข้าวเย็นจุกแบบหายใจไม่สะดวกอีกแล้วคือกลัวเป็นอะไรมาก เพราะเคยเข้ารพ.ด้วยอาการเช่นนี้ตอนครรภ์32วีค พอทนไม่ไหวเลยไปรพ.ไปห้องคลอด ตรวจคิดว่าไม่เป็นอะไรจะได้กลับบ้านแล้ว ดันมีอาการความดันสูง เสี่ยงครรภ์เป็นพิษ เลยต้องแอดมิดให้ยาลดความดัน แต่คราวนี้ให้เยอะเลยคือให้ทางสายเหมือนน้ำเกลือ ร่างกายก็จะร้อนวูบวาบข้างในตามที่หมอบอกเป็นอาการข้างเคียง พอไปมาหมอบอกให้ผ่าคลอดเลย เรานี่ห้ะอะไรนะ หมอบอกต้องเอาแม่ไว้ก่อน ลูกค่อยทีหลัง พอจะทำการผ่าก็ใช้วิธีดมยาสลบ แล้วผ่าลูกน้อยออกมาพอเรารุสึกตัวคือไวจังหลับตาตื่นมา หมอบอกลูกแข็งแรงดีค่ะแต่น้ำหนักน้อย น้ำหนักแค่1720กรัม ยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูก พอเราพักฟื้น หมอบอกว่าผ่าตัดเราไม่ได้เสียเลือดเยอะนะ แต่เรายังคงให้ยาลดความดันอยู่แล้วก็นอนหลับตื่นมาตอนเช้าคืองงงเลยว่าทำไมสายตาตัวเองเหมือนคนสายตาสั้นมองแบบเบลอไปหมด มันคือผลข้างเคียงของยาที่ได้รับ แล้วก็เจาะเลือดไปตรวจ ดันเกล็ดเลือดต่ำไปอีกจากคนปกติจะ140000ขึ้นไปของเราตกลงมายุแค่20000คืองงว่าเอ้ยเป็นได้ยังไง หมอเลยให้นอนอย่าขยับตัวมาก ห้ามลุกเดินไปไหน เพราะอาจจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด พอวันถัดมาก้ดีขึ้นแต่ค่าเกล็ดเลือดยังคงต่ำยุที่53000ก้ยังคงต้องเดินช้าๆอย่าเดินบ่อยหมอบอกเราก็พยายามทำร่างกายเราให้แข็งแรงไวๆ พอวันถัดมาเจาะเลือดตรวจค่าเกล็ดเลือดก็เพิ่มขึ้น1200000ถือว่าดีขึ้น คุณหมอก็ประเมินอาการว่าดีขึ้น เราก้พยายามบีบนมไว้ให้ลูกเพื่อที่ลูกจะได้กินนมแม่จะได้ร่างกายแข็งแรงขึ้น คุณหมอเด็กโทมาบอกให้เอาคมแม่ไปให้น้องด้วยแม่ก็คิดว่าเกล็ดเลือดเรายังไม่ดีเลยหมอจะให้ไปหาลูกได้หรอ คือโชคดีที่หมอบอกว่าให้ไปดูได้เอานมไปให้ลูก ใจเราตื้นเต้นมาตั้งแต่ผ่าคลอดมาไม่ได้เจอหน้าลูกเลยมีแต่พ่อเขาที่เห็นหน้าลูก เราก้เตรียมน้ำนมไปให้ลูก แวปแรกที่เห็นน้ำตาแม่จะไหลออกมาด้วยความตื่นตันใจที่ได้เห็นลูกแต่เห็นลูกแล้วก็สงสารลูกคลอดก่อนกำหนดทำให้ลูกมีสภาวะน้ำตาลต่ำต้องใช้ตัวช่วยโดยใช้ทางสายสะดือ เราแอบบมองหน้าลูกแล้วเรียกชื่อลูกวินาทีที่มองหต้าลูกแล้วลูกพยายามจะลืมตาหมอหน้าเราคือเราดีใจมากที่ลูกรูสึกได้ว่าแม่มาหา จะร้องไห้ก้ร้องไม่ได้เห็นหน้าลูกแล้วดีใจ แม่ก็เลยมีกำลังใจพยายามบีบน้ำนมเอาไปให้ลูกกินเขาจะได้แข็งแรง แม่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้แม่แข็งแรงลูกแข็งแรงออกจากรพ.ไวๆเถิด ได้แต่ภาวนา เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นคิดว่าไม่น่าจะเกิดมันขึ้นได้หมด สิ่งสำคัญคือกำลังใจสำคัญที่สุด ✌️?

Read more
 profile icon
Write a reply

ประสบการณ์ที่ไม่ลืมกับการเข้ารพ.ด้วยอาการที่คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก คิดไปเองว่าเป็น"กรดไหลย้อน"

เนื่องจากอายุครรภ์ได้32สัปดาห์ อายุครรภ์เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้แม่หิวมากขึ้น เราเป็นคนนึงที่เวลาหิวแล้วกลัวลูกในท้องจะอดก็เลยชอบลุกขึ้นมากินนม ขนมปังตอนกลางดึกแล้วก้นอนโดยที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร ตื่นมากินกลางดึกแบบนี้ก็จะวนแบบนี้ประมานสามสี่วัน หลังจากนั้นก้จะดื่มแค่นม อยู่มาวันนึงคืนที่ 25 เมษายน 63 ตอนนอนอยู่ดีๆรู้สึกเหมือนมีอาการแสบร้อนกลางอก ทำให้นอนลำบาก เราก้คิดว่าอาจจะเป็นที่อายุครรภ์เรามากขึ้นทำให้เหมือนกับว่าท้องเราแน่น หรือเปล่านะ รึว่าเราจะเป็นกรดไหลย้อน ก็เลยหาวิธีการว่าจะนอนอย่างไรให้นอนหลับ เลยลองนอนหมอนสูงกับนั่งพิงแล้วหลับไปด้วยความง่วง พอตื่นมาอาการก็หาย เราก้เลยคิดว่าอาจจะเป็นที่เราชอบทานนมขนมปังกลางดึกแน่ๆ เลยงดทาน ทานแค่นมแล้วนั่งพักก่อนค่อยนอน พอถึงวันที่28 เมษายน 63 เราก็นอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาตอนช่วงสามทุ่ม แล้วก็คิดว่าเด๋วก้คงหลับต่อ แต่ไม่เป็นเช่นนั้น อยู่ดีๆช่วงห้าทุ่มมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ จุกๆหายๆ เราก้พอทนไหวช่วงแรกๆนั่งรอคิดว่าเด่วคงหายคงจะเป็นแบบคืนนั้นแต่คราวนี่นั่งพิงก้นั่งไม่ได้นอนก็นอนไม่ได้มันจุกไปหมดหายใจไม่สะดวกเราเลยผ่าเคอร์ฟิวไปรพ.เลยช่วงตีสาม เราก็ทนตั้งแต่ห้าทุ่มมาจนถึงตีสาม พอมาถึงรพ.พบหมอก็ถามเรามีอาการเป็นอย่างไรเราบอกว่าจุกแน่นลิ้นปี่ หมอก็วัดความดัน ความดันครั้งแรกปกติพอวัดอีกรอบความดันเริ่มสูงหมอเลยบอกว่าเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ แล้วหมอตรวจท้องเราท้องเราแข็ง แล้วปากมดลูกเปิด1เซนติเมตร คุณหมอบอกว่าต้องฉีดยากระตุ้นปอดเด็กให้แข็งแรง และยับยั้งไม่ให้เด็กคลอดก่อนกำหนด คืนนั้นเราจึงได้นอนรพ.แบบงงๆว่าเอออาการที่เราคิดว่าน่าจะมารับยาแล้วกลับบ้านได้กลับกลายเป็นไม่ใช่เลย (คือมีอาการผิดปกติต้องรีบไปรพ.อย่าคิดไปเองเหมือนเราเลย) คืนนั้นด้วยอาการที่แบบอยู่คนละที่กับสามีบวกกลับมาถึงรพ.เขาไม่ให้จับโทรศัพท์เลย แล้วเราก็คิดมากว่าสามีเราจะรู้ไหมว่าเราเข้ารพ.ทำไงดีหน้อได้แต่คิดจนความดันขึ้น หมอเลยให้ยาลดความดันกิน กับฉีดยากระตุ้นปอดเด็ก แล้วคอยดูว่าท้องเราแข็งอยู่ไหม เราใจหายมาก กลัวลูกจะเป็นอะไร กลัวว่าลูกจะคลอดก่อนกำหนด แล้วหมอก็เจาะเลือดเราไปตรวจ สรุปตรวจเลือดมาค่าตับเราดันสูงอีก เราก็งวเลยว่าเกิดไรขึ้น หมอก็ถามว่าได้ทานยารึสมุนไพรอะไรรึเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไหมเราก็บอกไม่นะค่ะ พอเราถามหมอว่าสรุปหนูเป็นอะไรค่ะหมอบอกว่าก้ตอนแรกมาด้วยอาการจุกลิ้นปี่ พอตรวจดูเสี่ยงครรภ์เป็นพิษเพราะมีความดันสูงแต่ตรวจเท้าแล้วไม่มีอาการบวมรึอะไรเลยเจาะเลือดตรวจดูดันมีค่าตับเพิ่มมาเลยให้นอนรพ.เพื่อดูอาการว่าค่าตับลดลงไหม เราได้นอนรพ.ประมาน 5วัน หมอก็คอยดูอาการเราตลอดว่ามีท้องแข็งไหม พอเริ่มไม่มีอาการท้องแข็งบวกกับค่าตับลดลงแล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้ ในใจเราคิดนะยังดีนะที่เรามาทันรักษาทันถ้าเรามาช้ากว่านี้จะเป็นอะไรมากไหม ดีที่คุณหมอ พยาบาลผู้ช่วยดูแลดี ถ้าไม่มีพวกเขาไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างไรนับถือความเก่งของเขามากเลยที่ช่วยให้อาการเราดีขึ้น พอเราได้กลับบ้านคุณหมอก็ให้ยาเรามากินคือยาลดความดัน เราตั้งครรภ์ทำให้ฮอร์โมนเราเปลี่ยนความดันเราจึงสูงขึ้น แล้วพ่อของเราเขามีโรคประจำตัวคือความดันเราเลยมีพันธุกรรมมาจากพ่อทำให้เรามีความดันสูงตามไปด้วย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเมื่อมีอาการที่ผิดปกติควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยด่วนอย่า"มัวแต่คิดไปเอง"คิดว่าไม่เป็นไรมากสุดท้ายนอนรพ. พยาบาลได้กล่าวบอกเราว่า "การที่เราตั้งครรภ์คือของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต"??? เพราะลูกน้อยที่อยู่ในท้องเราจะเป็นคนคอยดูแลเราในยามที่เราแก่ตัวลงเพราะฉะนั้นจงทะนุถนอมดูแลเขาให้ดีเพราะเขาคือลูกๆของเรา

Read more
 profile icon
Write a reply