84 ตอบกลับ
เราเข้าใจค่ะ ถ้าไม่ไหวคือไม่ไหวค่ะ เราเป็นคนนึงที่ฝืนทำงานเราทำงานทุกวันยันคลอดท้องแก่ค่ะ จนเจ็บครรภ์เดือนที่ 7 ไปรพ.คุณหมอสั่งห้ามทำงาน ห้ามทำอะไรเลย ให้นอนเหมือนเป็นผู้ป่วยติดเตียงแบบนี้เลยค่ะ เพราะมันอันตรายมากๆ คำว่าไม่ไหวของคนเราแตกต่างกันค่ะ ของเราไม่ไหวเพราะหัวหน้าค่ะ เราทำงานเป็นเซลล์ค่ะต้องเดินทางตลอดออกตจว. ทำให้เกิดความเครียดสะสมไม่รู้ตัวค่ะ ส่งผลต่อลูกในครรภ์มากๆค่ะ เราแนะนำว่าอย่าฝืนค่ะ ตอนนี้เราคลอดน้องแล้วอายุ 26 วันค่ะ(38+2) ตามกำหนดเพราะสุดท้ายเราต้องลาคลอดก่อนอยู่ดีเพราะหมอสั่งห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ เราเคยไปอ่านหนังสือมา เด็กจะเลี้ยงง่ายหรือยากอยู่ ณ วันนี้ตั้งแต่ในครรภ์ค่ะ สรุปสั้นๆ แม่เครียด = เด็กเลี้ยงยาก เช่น งอแง ดื้อรั้น , แม่อารมณ์ดี = เด็กเลี้ยงง่าย คุณแม่เลือกได้ค่ะ ช่วงชีวิตครรภ์มีแค่ช่วงเดียว ทำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลังค่ะ ทุกทางเลือกที่ดูเหมือนจะมีปัญหาตามมามักมีทางออกให้เราค่ะ อยู่ที่ทัศนคติเราที่เผชิญกับปัญหานั้นๆ เข้าใจมากๆค่ะ แต่ถ้าเป็นเราย้อนกลับไปได้ เราจะไม่ฝืนทำงานเพราะสุดท้ายคือตัวเรากับลูกที่เจ็บที่แย่ คนอื่นไม่ได้มารับผิดชอบค่ะ แม่อย่าฟังคนอื่นค่ะ เปนจุดยืนที่ดีให้ลูกเลยค่ะ สู้ๆ
บ้านนี้ทำงานแบบสู้ชีวิตมากคะยันคลอดเลย เอาจริงๆช่วงก่อนคลอดต้องประชุมกลับดึกเกือบทุกวัน ต้องทำโปรเจ็คด้วย ไหนจะเคลียร์งานค้างก่อนจะลาคลอด ถามว่าผ่านมาได้ยังไงคือใช้ความอดทนเท่านั้นเลยคะ แต่โชคดีตรงที่มีลูกน้องและเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่พอช่วงที่ต้องใกล้ผ่าคลอดงานมันเครียดมาก ทำให้ตัวเองมีความเครียดโดยไม่รู้ตัวทำให้ต้องแอดมิดและผ่าคลอดฉุกเฉินตอน37วีค+4 เพราะอยู่ๆก็ความดันสูงมาก เอาจริงๆส่วนตัวเป็นคนมีความอดทนสูงนะคะ แต่บางครั้งมันก็เกินความพอดีเพราะเราท้องอยู่ แต่ด้วยความรับผิดชอบต่องาน บางครั้งมันก็หนักสำหรับเรา จะบอกคุณแม่ว่าเอาเท่าที่ไหวและทำได้คะ ถ้าเราฝืนมันจะมีผลเสียต่อเราและลูกด้วย คนท้องแต่ละคนความแข็งแรงไม่เท่ากัน บางคนแพ้ท้องยันคลอดทำงานไม่ไหวก็มี มันยากที่จะให้ใครมาเข้าใจเราคะแม่ ถ้าแม่ไม่ไหวคืออย่าฝืน เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ปัจจัยรอบตัวเราด้วย ถ้าเพื่อนร่วมงานไม่ดี ไม่เข้าใจก็โชคร้ายหน่อย แต่พยายามทำเท่าที่ร่างกายรับไหวคะแม่ เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้คะ
ขอให้คุณแม่และน้องสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะแม่ //เราทำงาน สอนนักเรียนค่ะแม่ใช้พลังงานเยอะ เดินเยอะ 37+3พึ่งลาคลอดค่ะ เพราะเดินลำบากแล้ว หมอให้งดเดินยืนเยอะด้วยเพราะท้องแข็งบ่อย ตอนนี้ 38+1 //แต่ดีที่ระหว่างท้องช่วงที่ผ่านมาแม่ไม่มีง่วงตอนกลางวันหรือเพลียอะไรเลย มีแค่หลับไวช่วงหัวค่ำ การเดินเหิน ยังสะดวกท้องไม่ใหญ่มาก เลยไม่เป็น อุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ แล้วพี่ๆที่ทำงาน ผอ. ทุกๆคนก็คือ คอยระวังเราตลอดไม่ให้ทำงานอะไรที่หนักไปสำหรับเรา ไม่หาเรื่องเครียดให้เรา อีกอย่างเรารู้สึกว่าตั้งแต่มีลูกมาโชคดีมาก ให้โชคบ่อยเรื่อยๆเรา+แม่+แฟน เรื่องเงินเรื่องเตรียมของเลยไม่เป็นปัญหาด้วยค่ะ ฝั่งปู่ย่าก็น่าจะตื่นเต้นเช่นกันเตรียมของรอเบบี๋น้อย
อย่าไปคิดว่าทำอะไรไม่ขึ้นเลยค่ะ สงสารตัวน้อยแย่เลย เอาง่ายๆนะคะ ขนาดตอนไม่ท้องสุขภาพร่างกายทุกคนยังไม่เหมือนกันเลย แล้วนี่ท้อง คนท้องมีฮอร์โมนที่สร้างมาเพื่อดูแลลูกในท้อง มากบ้างน้อยบ้างต่างกัน จะให้เหมือนกันทุกคนคงไม่ได้ แล้วไหนจะสภาพแวดล้อมอีก ประเภทงานที่ทำ กับสภาพการเดินทางมาทำงาน ทำให้เหนื่อยล้าไหม กลับไปบ้านต้องทำอะไรบ้าง เจอคนแบบไหน สุขภาพกายไม่ไหว สุขภาพจิตก็ตามมาด้วย แต่แม่ต้องเข้มแข็งนะคะ มันมีคนเข้าใจและไม่เข้าใจค่ะ แต่เราต้องท่องไว้ว่าสู้เพื่อใคร และต้องเห็นใจเพื่อนบางคนที่อาจทำงานแทนเราด้วยค่ะ คนละครึ่งทาง สู้ๆนะคะแม่ อย่างน้อยแม่ก็ยังมีใจสู้ไปทำงานเท่าที่จะทำได้ เพื่อตัวน้อย
ตอนเราแพ้ท้องช่วง2เดือนแรก มีปัญหาที่ทำงานเหมือนกันค่ะ แพ้หนักจนต้องแอดมิดนอนโรงพยาบาลแต่ก็ยังโดนผู้จัดการแกล้ง แต่ตอนนี้ผ่านมาได้เเล้ว ยังทำงานอยู่ เราเชื่อเรื่องเวรกรรมค่ะ ใจดำใจแคบกับคนท้องคนใส้ สักวันผลกรรมจะตามทัน เราแพ้ท้องตริงๆไม่ได้แกล้งทำ ของแบบนี้ต้องรอดูค่ะ แม่โฟกัสที่ลูกและครอบครัวพอค่ะ เราอยู่เพื่อเงิน ค่าฝากครรภ์ค่าคลอด ทุกอย่างต้องใช้เงิน สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ ตอนนี้เราเข้าเดือนที่3 อาการแพ้ท้องเริ่มดีขึ้นนิดหน่อยพยายามฝืนไปทำงาน นั้งๆนอนๆอยู่ที่โต๊ะตามสภาพ เพิ่งผ่านเรื่องนี้มาหมาดๆ สู้ๆค่ะแม่
เราท้อง6 เดือนกว่า ไปทำงานทุกวันตามปกติ ไม่เคยลาเพราะเหนื่อยหรือป่วยเลยค่ะ ทำตัวปกติทุกอย่าง ขับรถไปกลับเองทุกวัน อาจจะโชคดีที่เราไม่แพ้ท้องตอนช่วงแรกด้วยค่ะ เอาจริงๆเราก็ไม่เข้าใจคนที่ท้องแล้วบอกว่าทำงานไม่ไหวนะคะ (หมายถึงทำงานออฟฟิสนะคะ) ถ้าเป็นช่วงแรกๆ คนที่แพ้มากๆก็พอเข้าใจได้ หรือช่วงท้องแก่มากๆ แบบก่อนคลอดซักไม่กี่วัน ก็พอเข้าใจ แต่ช่วงไตรมาส2 เรายอมรับว่าเราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ เพราะคนที่ออฟฟิสเราที่ตั้งท้องกัน ทำงานกันปกติเลยค่ะ
ของเราไม่ได้ทำงานเเต่ต้องเเบกท้องไปเรียนทุกวัน(เรียนปีสุดท้ายเเล้ว)เดินรอบมหาลัยทั้งวันเดินขึ้นลงชั้น4เป็นว่าเล่นเคยเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่งเพราะเเน่นอกหอบเหนื่อยหายใจไม่ออกทรมานมากค่ะจนหมอบอกว่าดรอปเรียนก่อนมั้ยกลัวจะไม่ไหวเเต่เราบอกหนูไหวค่ะใกล้จะจบเเล้วด้วย(พักผ่อนไม่เพียงพอด้วยค่ะเพราะตอนกลางคืนลุกฉี่ทุกๆ1-2ชั่วโมงเลย)ตอนนี้7เดือนเเล้วเป็นกำลังใจให้เเม่ๆที่ท้องเเต่ต้องทำงานทุกคนด้วยนะคะ
ของเราตอนนี้ก็ยังไปทำงานอยู่นะคะ 37+4 เรางานไม่หนัก แต่ตื่นเช้าหน่อย ตี4.30 ขึ้นรถตี5 เราท้องตั้งแต่ไปเริ่มงานใหม่เลยค่ะ ถือว่าโชคดีมากที่เค้ารับ วันไหนเราไหวเราก็ไป วันไหนเพลียก็ลา ไม่มีไคว่าอะไรเลย ต่อให้ว่าเราก็ไม่แคร์ มาทำงาน ก็ยังพอได้มีเงินซื้อของให้ตัวเล็ก ทีละนิดหน่อย เงินเก็บไม่มีหรอกค่ะ แค่พอกินไปวันๆ บางเดือนไม่พอด้วยซ้ำ แต่ก็ถูๆไถๆ มาจนจะใกล้คลอดแล้ว สู้ๆ นะคะ คุณแม่ ✌️
อะไรที่ทำแล้วสามารถเก็บเงินคว้าเงินได้แม่คว้าไว้ก่อนเลยค่ะ ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆนะคะ หาซื้อผลไม้ และนม ทานเพิ่มพลังให้ตัวเองสดชื่นระหว่างวันค่ะ อย่าท้อ วันไหนเหนื่อยก็ร้องไห้ได้เพราะเราก็คนเหมือนกัน อดทนทำงานตอนนี้สบายกว่าตอนคลอดมากค่ะ เพราะคลอดมาแล้วลูกต้องการการดูแล 24ชม ช่วงนี้เร่งเก็บเงินก้อนนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณแม่คนเก่งทุกท่านค่ะ
35+5 ยังทำอยู่ค่ะ อยู่หอพักคนเดียว ไปหาหมอคนเดียว หาข้าวหาปลากินเองคนเดียว ขนาดเป็นโควิดยังต้องนอนดูอาการตัวเองอยู่ห้องคนเดียวเลยค่ะ ทำงานอยู่ไกลบ้าน อยู่คนละที่กับแฟนด้วยค่ะ ทำงานตั้งแต่ตีห้าแต่ละวันเหนื่อยมาก โชคดีที่ไม่เคยแพ้ท้อง และน้องก็ไม่เคยงอแงมีปัญหาอะไรเลย ฝากครรภ์ตามนัดตลอด ท้องแรกเหมือนกันค่ะ อดทนอีกนิดเดียว สู้ๆ
Ornnipa Boonaek