27 ตอบกลับ
มีสาวเราเป็นจิตเวชคะ สามารถเลี้ยงลูกเองได้ เราไม่ได้อยู่กับพี่สาวนะคะ พี่สาวอยู่กับที่บ้าน แต่ว่า แม่กับพ่อเราเค้าก็ปล่อยให้พี่สาวเลี้ยงลูกคะ แม่กับพ่อเราทำงาน ออกบ่าย 3 กลับตี 3 แม่เราจะโทรหาพี่สาวเราทุก ๆ เวลาที่ว่าง คะ ถึงเวลากินยา ก็โทรคะ ว่าให้กอนข้าวแล้วกินยาด้วย ไม่งั้นอาการออกคะ แต่ว่าขึ้นอยู่กับการกินยาด้วยนะคะ ถ้ารับผิดชอบในการกินยาดี ไม่ต้องกลัวหลอกคะ อาการเค้าปกติแน่นอน พี่สาวเรา เป็นจิตเวช มาร่วมหลายปี ทุกวันนี้เป็นผู้ป่วยศรีธัญญาแล้วคะ เรียกว่าบ้าได้แล้วคะ กินยาบ้าง ไม่ยอมกินบ้าง เอามีดไล่ฟันเรา กระทืบเรา จำเราไม่ได้ เราโดนตบตีต่อยแทบทุกวัน จนพี่สาวมามีลูก ตอนนี้ลูกพี่สาวจะ 3 ขวบแล้วคะ แข็งแรง พูดเก่งดีคะ ถึงเวลาที่ตังหน่อยเอาเข้าเนสเซอรี่ก็ดีคะ เราเคยกลับบ้านไปดูหลาน หลานเราเพ้อและคุยคนเดียว อาการแบบพี่สาวเลย คุยเองตอบเอง บอกตัวเองมีน้องสาว อันนี้หลานพูดให้เราฟังเลย จับส่งเนสเซอรี่ อาการก็หายปกติคะ การเลี้ยงดูจากคนอาการผิดปกติเราคิดว่าเด็กเลี้ยงยังไงได้ยังงั้นคะ โชว์ดีสำหรับหลานเราที่เราสงสัยทัน พ่อกับแม่เราเลยส่งเรียนได้ผลดีคะ แต่ว่า เข้าใจอารมณ์คุณแม่นะคะ ที่เป็นกังวน เป็นกำลังใจให้คะ
โรคทางจิต เกิดได้จากหลายปัจจัยค่ะ หลักๆเลยคือ สภาพแวดล้อม ความเครียด ถึงแม้อาการจะสงบแล้ว แต่การอยู่กับเด็กที่ยังไม่รู้เรื่อง เสียงร้องของเด็ก ความกดดันต่างๆ อาจทำให้อาการกลับมาได้ค่ะ เราคนเป็นแม่ที่ว่าปกติดี เวลาได้ยินเสียงเด็กร้องโดยไม่รู้สาเหตุ บางทีเรายังเครียดเลยค่ะ เสียงมันแทรกเข้าโสตประสาท จนคิดว่าไม่อยากจะอยู่ตรงนี้แล้ว เราคิดว่า คนที่เคยมีอาการแบบนั้นมาก่อน ถ้าต้องอยู่กับเสียงร้องของเด็กทุกวัน อาการเขาอาจจะกลับมาได้ค่ะ มันจะไม่ปลอดภัยกันทั้งคู่
เราจะบอกว่าถ้าจะให้เลี้ยง หาคนมาประกบคู่กับคุณแม่ด้วยค่ะ เอาที่เป๊ะๆเลยนะ ไว้ใจได้สุดๆ ตัวเราเป็นไบโพล่าร์ กว่าจะคลอดลูกมาได้ 😑 คือ เรายังรู้ตัวเลย ว่าใจเราน่ากลัวมาก ขึ้นๆลงๆ บางครั้งเราไม่อุ้มลูก เพราะเรากลัวเด็ก กลัวตัวเอง แต่สุดท้าย ลูกก็ต้องโตมากับแม่อย่างเราจ้า 😅
เสี่ยงค่ะ จริงๆอาการหายไป 5-6ปี ก็สามารถเกิดขึ้นได้ดีถ้ามีภาวะเครียด ยิ่งเลี้ยงเด็กเล็กที่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าต้องการอะไรนอกจากร้อง ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ กลัวว่าอาการของคุณแม่จะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง แนะนำให้เลี้ยงเองไปก่อนค่ะ ไม่งั้นก็หาคนช่วยเลี้ยงอีก1คน
ไม่แนะนำให้แม่มาช่วยเลี้ยงค่ะ ที่เราเคยเจอไม่ใช่ลูกเราแต่เป็นหลานเราค่ะ ย่าไม่ได้ป่วยแต่ ประการใดแต่เป็นคนที่ อารมณ์ร้อนโมโหง่าย เค้าทำกับหลานน่ากลัวมาก เด็กงอแงเป็นธรรมดาแต่สิ่งที่ย่าทำกับหลาน มันก็เกินไป ไม่คุมอารมณ์ตัวเองเลยค่ะ
ถ้าให้ช่วยเลี้ยงโดยมีเราอยู่ด้วยได้ค่ะ แต่ถ้าให้ท่านเลี้ยงลำพัง ไม่แนะนำค่ะ เสี่ยงกับการเครียดหงุดหงิดแล้วอาการกำเริบมาจะแย่เอาคาะ เพราะเลี้ยงเด็กคนนึงทั้งเหนื่อยนะคะ เกิดหลานร้องงอแงมาคุณแม่พาลโมโหหงุดหงิดเครียดได้นะคะ
ไม่แนะนำนะคะคุณแม่ ขนาดเราเลี้ยงลูก เราอาการปกติ แต่พอลูกงอแงแบบสุดๆแล้วก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกันค่ะ ดีที่เราสลับให้สามีดูลูกแล้วเราไปสงบสติ ลองหาทางอื่นก่อนไหมคะ ให้ข้างบ้านดูแล หรือว่าฝากญาติคนอื่น สู้ๆนะคะ
ไม่แนะนำ อย่าเลยค่ะ เค้าไม่ได้หายจากโรคเพียงแค่ระงับไว้เท่านั้นเอง เมื่อไหร่ที่มีภาวะเครียดก็จะกำเริบอีก หาวิธีการอื่นเถอะค่ะ หรือลองปรึกษาหมอที่รักษาแม่ดูค่ะ
ไม่แนะนำค่ะ โรคนี้กับการเลี้ยงเด็กเล็กอันตรายมากๆๆ ถึงเข้ารับการรักษาแล้วก็ตาม เอาเป็นว่าคิดง่ายๆคนปรกติทุกอย่าง แม่บางคนยังเกิดภาวะเครียดเลยค่ะ
ไม่ควรค่ะมันสงบเพราะไม่มีสิ่งเล้าถ้าเอาเด็กไปให้เลี้ยงคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งเล้าชั้นดีเลยค่ะ ทั้งเสียงร้อง ความงอแง อาจทำให้อาการกลับมาอีกได้ค่ะ