88 ตอบกลับ
ถามไปว่าถ้าผูกข้อไม้ข้อมือ แต่งงาน จะใส่ซองให้หลานสักหมื่นนึงได้ไหมคะ ขอแค่คุณป้าที่คะยั้นคะยอให้จัดงานเท่านั้นค่ะ น่าจะช่วยกันได้ เพราะแนะนำเก่ง ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ (ยิ้มหวานๆไปเลยค่ะ) บอกเหตุผลไปค่ะ ว่าพอดีจัดงานมันต้องมีค่าใช้ง่าย ถ้าใส่ซองน้อย พอจัดงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเตรียมของเลี้ยงลูก อย่างน้อยขอการันตีจากซองป้าก่อนเลย ส่วนซองคนอื่นไม่ซีเรียส(กันแกเอาไปเล่าคนอื่นว่าเราหน้าเงิน) เน้นไปค่ะ ว่าขอหลักหมื่นแค่ซองป้าที่เร่งให้จัดงานแต่ง ทางนึงก็ห่วงหน้าตาแทน อีกทางก็เผือกนั่นล่ะค่ะ ถ้าเป็นเราโดนถามว่าจะรอลูกสามค่อยผูกข้อไม้ข้อมือเหรอ คงตอบไปตอนนั้นเลยว่า อาจจะรอลูกห้า ค่อยจัดงานค่ะ แต่ถ้าแรงกว่านี้ก็คงพูดเลยว่า ป้าจะอยู่ทันดูไหมคะ (แต่อย่าทำเลยค่ะ จะยิ่งเพิ่มศัตรู 555) ถ้าแนะนำแบบแม่พระก็ปล่อยผ่านยิ้มให้เฉยๆ ไม่โต้ตอบ ถือว่าอโหสิกรรม เอาผลบุญให้ลูก ไม่แค้นเคือง ถ้าแม่ไม่ไหว อยากสวนเบาๆ ก็ยิ้มไปจนเขาถามค่ะว่ายิ้มทำไม พอถามค่อยตอบว่า ยิ้มที่คนที่บ้านหนูไม่เคยเดือดร้อนเท่าป้าเลยค่ะ... แค่นั้นพอค่ะ เหมือนได้ตบหน้าไปแล้วเบาๆ
ตอนนี้น้องต้องปรับความคิดใหม่ น้องไม่สามารถเลี่ยงคำนินทาว่าต่างๆได้ เพราะมันคือความจริงที่ต้องเจอไปยันลูกโต ต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ทำใหม่เรื่องไร้สาระต่างๆตัดทิ้งไปก่อน เพราะต่อจากนี้มีเรื่องความรับผิดชอบที่ต้องเผชิญที่เป็นผลจากการกระทำของน้อง ถ้าเลือกให้ลูกเกิดมาและโชคดีที่ครอบครัวพร้อมก็ถือว่าเป็นสิ่งดี แต่น้องไม่มามารถปัดความรับผิดชอบได้ถึงอย่างไรน้องก็ควรดูแลลูกของตนเองด้วย แล้วถ้าหากพร้อมเมื่อไหร่ก็ควรกลับไปเรียนให้จบ เพราะต่อไปน้องต้องยืนด้วยลำแข้งตนเองและเลี้ยงลูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เหนื่อยมากจนทำให้น้องไม่มีเวลามานั่งคิดมากเรื่องคำพูดใครๆ เพราะตลอดการเดินทางของการเป็นแม่คน มีครอบครัว มันจะมีบททดสอบเข้ามาตลอด น้องจะต้องเข้มแข็งและก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆต่อไปในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งให้ได้
ท้องวัยนี้เหมือนกันค่ะเค้าอายุ16เซ้นซิทีฟกับคำพูดด้วยส่วนตัวด่ากลับค่ะอย่างเรื่องเรียนก็ไม่มีใครแก่เกินเรียนถ้าอยากเรียนเดี๋ยวขนขวายเองหรือจะส่งให้ถ้าไม่ส่งเสริมก็ไปอยู่บ้านรดน้ำต้นไม้สงบจิตใจนู้น ส่วนผูกแขนถ้าผูกก็เป็นงานเล็กๆไปก็ได้นะหรือถ้าไม่ก็แก้ต่างไปเลยเอาจริงๆปากคนพวกนี้เขาไม่มีค่าอะไรหรอกพอคลอดออกมาเดี๋ยวก็หาเรื่องมาว่าใหม่โตแต่ตัวแบบนั้นไม่ต้องไปใส่ใจเก็บเรื่องลูกเรามาใส่ใจดีกว่าอย่าพึ่งไปเครียดกับเรื่องพวกนี้เลยนะเพราะเวลาเราท้องโตเรื่อยๆมีเรื่องให้ต้องสนใจดูแลเด็กในท้องอีกเยอะถ้าเราไม่ไหวแนะนำพูดไปเรื่อยป้าไม่เคยท้องกันหรอรู้มั้ยเขาไม่ให้คนท้องเครียดน่ะถ้าเคยท้องแล้วก็น่าจะรู้สะบ้างนะถ้าเด็กเป็นไรขึ้นมาระวังจะเป็นตราบาปเพราะปากตัวเอง
ก่อนอื่นต้องบอกกับเขาว่า"ขอบคุณค่ะที่ห่วงใยหนู พ่อแม่หนูและครอบครัวของสามีเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรและมีปัญหาอะไรในตัวหนู ส่วนชีวิตหนูก็โอเคทุกอย่างไม่ติดปัญหาอะไรค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ "(เป็นไปได้ยิ้มและยกมือไหว้เขาแต่ไม่ต้องทำประชดนะคะ)คำพูดนี้เอาไปใช้นะคะ บางคนถ้าเขาคิดดีเขาจะมองเราว่าเออมันยังรู้จักขอบคุณเราที่บอกและหวังดีกับมัน แต่ถ้าคนคิดอคติเขาจะมองคำพูดเราได้เจ็บปวดมากค่ะ หนูเข้าใจไหมที่พี่พูด คำพูดที่พี่แนะนำหนู มันคิดได้สองแง่ค่ะ สู้ๆนะคะเราอย่าใส่ใจมากกับเอาคำพูดของคนอื่นแคร์และรักคนที่เขารักเราดีกว่าค่ะ เอาคำพูดพี่ไปพูดนะคะรับรองไม่มีใครมากล้ายุ่งและพูดซ้ำๆเดิมๆกับหนูแน่ๆค่ะ🥰✌️❤️
พี่ก็โดนคำพูดคำถามจากคนรอบข้างเหมือนกัน เมื่อไหร่จะแต่งเมื่อไหร่จะมาคุยมาขอ ไม่อายหรอยู่ก่อนแต่งท้องก่อนแต่ง แต่นั้นแหละคนที่มันถามมันอยากรู้มันกผ้แค่คนนอกไม่ใช่พ่อแม่ พ่อแม่เราโอเครับได้ก็พอแล้วค่ะตัวเอง อย่าไปสนใจให้ค่าคนแบบนั้นนะคะ เอาเวลามาดูแลตัวเองดูแลลูกในท้องนะคะ จะแต่งไม่แต่ง แต่งเร็วแต่งช้าอยู่ที่เราค่ะ อยู่ที่ความพร้อมนะคะพร้อมจริงๆก็ค่อยให้พ่อแม่มาคุยกันก็ได้ค่ะหรือจะมาคุยกันไว้ก่อนพอเราพร้อมคุยว่ากันอีกที ตอนนี้ลูกสำคัญที่สุดแล้วนะคะอย่างอื่นเว้นไว้ก่อนค่ะ โฟกัสลูกไว้นะคะอย่าสนคำคนพวกนั้น ใช้ชีวิตให้แฮปปี้ ไม่เคลียดไม่คิดมากนะคะมันมีผลกับลูกและเราเองค่ะ สู้ๆนะคะ กอดค่ะ
ไม่ต้องแคร์คนอื่นค่ะ แคร์แค่คนในครอบครัวก็พอค่ะ คลอดแล้วค่อยเรียนต่อก็ได้ค่ะ น้องต้องคิดว่าน้องโชคดีขนาดไหนที่มีครอบครัวที่เข้าใจและให้อภัยเรา และโชคดี X2 ที่เจอครอบครัวแฟนที่เค้ายอมรับ เพราะอีกหลายๆคนไม่ได้โชคดีแบบนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากค่ะ แต่งงานเมื่อพร้อมก็ได้ค่ะ ให้ลูกคลอดออกมาก่อนแล้วให้ลูกร่วมพิธีแต่งด้วยเลยค่ะ ดาราบางคนยังทำแบบนี้ค่ะ ให้บอกเค้าไปเลยค่ะ คนที่ชอบบ่น ชอบยุ่ง บอกไปเลยค่ะ ว่ารอให้ลูกโตพอเข้าร่วมพิธีได้ก่อนค่อยแต่งจะได้มีภาพลูกในงานแต่งด้วย น่ารักดีออกค่ะ
ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ขอแค่พ่อแม่ของเราทั้ง2ฝ่ายโอเคและรับรู้ก็พอ ส่วนพวกเสียงนกเสียงกาไม่ต้องไปให้ค่ากับคำพูดพวกเขาหรอก ต่อให้เราจะอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่จะมีลูกกี่คนก็เรื่องของเรา ขอแค่พ่อแม่เราทั้ง2ฝ่ายรับรู้แล้วไปกันรอดแค่นั้นพอ บางคนจัดงานใหญ่โตไปกันไม่รอดแล้วยังเป็นหนี้มีเยอะแยะค่ะ แบบนี้แหละดีเราได้ทดลองการใช้ชีวิตด้วยกัน ส่วนจะแต่งตอนไหนก็เรื่องของเราค่ะจะแต่งพร้อมลูกก็เรื่องของเรา สู้ๆนะคะปล่อยผ่านคำพูดจากคนเหล่านี้ให้ได้ค่ะ โฟกัสแค่คนในครอบครัวเราก็พอ
เก่งมาก ถือว่ารับผิดชอบได้ดีเลยนะคะ ทั้งตัวหนูแล้วก็แฟนด้วย ส่วนเรื่องของป้าข้างบ้าน เสียงสัมภเวสีขอส่วนบุญค่ะ คนพวกนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ปล่อยมันไปค่ะ โฟกัสที่ตัวเราและคนรอบตัวที่ดีกับเรานะคะ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง กินของมีประโยชน์ อะไรที่เครียดๆ อย่าเอามาใส่หัวเรานะคะ ตัวเล็กจะได้แข็งแรงๆ เรื่องอนาคต เรื่องเรียนยังไม่สายไปค่ะ พอลูกเราเริ่มโต เราก็กลับเรียนต่อได้ค่ะ จบช้าหน่อย แค่ไม่ช้าเกินไปแน่นอน เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูกน้าาาา 💖
อย่าไปสนใจคำพูดชาวบ้านชาวช่องจ้า เค้าไม่ได้มาช่วยเราหา มาช่วยเราเลี้ยง อย่าให้คำพูดให้มามีผลต่อการใช้ชีวิต สมัยนี้แล้วคนส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยมาคิดเรื่องแต่งงานแล้วจ้า บางคนแต่งงานใหญ่ แต่ไปไม่รอดก็มี บางคนไม่ได้แต่งกันอยู่กันย๊าวยาว มันไม่ได้เป็นตัววัดอะไรเลย สำหรับความคิดเรานะในมุมมองส่วนตัว เราไม่แต่งค่ะ แค่พ่อแม่สองฝั่งรับรู้พอแล้ว แล้วช่วยกันเก็บเงินไว้เยอะๆ เลี้ยงเบบี๋ดีกว่า แต่งงาน บางอย่างเราคิดว่าสิ้นเปลืองมาก สู้ๆนะอย่าเก็บมาใส่ใจ 💕
อันดับแรกนะคะ พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ หากทางบ้านเราไม่มีปัญหา และตัวเราเองพร้อมหนูถือว่าโชคดีมากๆค่ะ ส่วนอันดับที่2 หนูต้องเริ่มเลิกฟังคำพูดคนอื่นค่ะ เพราะเมื่อเป็นแม่คนแล้ว จะโดนมนุษย์ป้าเอย มนุษย์ยายเอย ติอีกเยอะมากก จะได้หงุดหงิดอีกเยอะ เริ่มฝึกการ “เลิกแคร์” คำพูดเหล่านั้นนะคะ ไม่ได้มีความหวังดีใดๆเลย อีกอย่างนะ คนดีที่ไหนมาตำหนิคนอื่นกัน ไม่ได้ช่วยเลี้ยง ไม่มีส่วนช่วยเสียใดๆ ไม่ต้องไปฟังค่ะ