3 ตอบกลับ
การคุมกำเนิดแบบฝังเป็นการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวชนิดหนึ่งที่ใช้ฮอร์โมน โปรเจสติน (Progestin) ที่บรรจุเอาไว้ในหลอดหรือแท่งพลาสติกเล็ก ๆ ขนาดเท่าไม้จิ้มฟันชนิดกลม นำมาฝังเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านที่ไม่ถนัด ซึ่งฮอร์โมนจะค่อย ๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกายและไปยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ ส่งผลทำให้ไม่มีการตกไข่ตามมา จึงช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ การฝัง 1 ครั้งสามารถอยู่ได้ 3-5 ปี การฝังยาคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพที่สุด มีโอกาสล้มเหลวจากการคุมกำเนิดเพียง 0.05% เท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการฝังยาคุมกำเนิดอยู่ที่ 2,500 - 7,000 บาท ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด 1. ประสิทธิภาพภาพในการคุมกำเนิดสูง 2. เป็นวิธีที่มีความสะดวก ฝังครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี 3. เนื่องจากยาฉีดคุมกำเนิดมีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ไม่ได้รับผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเหมือนการคุมกำเนิดรูปแบบอื่น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เป็นฝ้า ฯลฯ 4. สามารถเลิกใช้เมื่อใดก็ได้ เมื่อต้องการจะมีบุตรหรือเปลี่ยนเป็นใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่น 5. ใช้ได้ดีในผู้ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะไม่มีผลต่อการหลั่งของน้ำนม 6. ไม่ทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลง 7. หลังจากถอดออกจะสามารถมีลูกได้เร็วกว่าการฉีดยาคุมกำเนิด เนื่องจากฮอร์โมนกระจายออกในปริมาณน้อยและไม่มีการสะสมในร่างกาย 8. มีผลพลอยได้จากการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ทำให้อาการปวดประจำเดือนมีน้อยลง, ลดโอกาสการตั้งครรภ์นอกมดลูก, ป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, ลดอุบัติการณ์ของภาวะโลหิตจาง ฯลฯ ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด 1. การฝังและการถอดจะต้องทำโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้ว (ไม่สามารถถอดหรือฝังโดยแพทย์ทั่วไปได้) จึงไม่สามารถใช้หรือถอดได้เอง 2. ในบางรายสามารถคลำแท่งยาในบริเวณท้องแขนได้ 3. ประจำเดือนอาจมาแบบกะปริดกะปรอย จึงทำให้ต้องใส่ผ้าอนามัยอยู่เสมอ จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ เพราะบางครั้งก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหลาย ๆ กังวลกับปัญหาเหล่านี้ (แต่เมื่อผ่านระยะหนึ่งปีขึ้นไปแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะน้อยลง) 4. อาจพบภาวะแทรกซ้อนหลังการฝังยาคุมกำเนิดได้ เช่น มีก้อนเลือดคั่งบริเวณที่กรีดผิวหนัง 5. อาจพบว่าตำแหน่งของแท่งยาเคลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม (พบได้น้อย) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://frynn.com/ยาฝังคุมกำเนิด/
ข้อดีของยาคุมกำเนิดแบบฝัง คือ สะดวกสบาย เมื่อไปรับการคุมกำเนิดวิธีนี้ สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา ไม่ต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวัน ลดโอกาสลืมกินยา หรือต้องไปฉีดยาคุม กำเนิดทุก 3 เดือน ลดโอกาสฉีดยาคลาดเคลื่อนไม่ตรงกำหนด ไม่มีผลข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นฝ้า เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงดังกล่าวแล้วในหัวข้อก่อนหัวข้อนี้ ผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง? ข้อเสียของยาฝังคุมกำเนิด คือ อาจมีผลข้างเคียงจากยาได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ ประจำเดือนกะปริบกะปรอย พบมากที่สุด ไม่มีประจำเดือน หรือเกิดภาวะขาดประจำเดือน อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น ปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด แผลที่ฝังยาเกิดการอักเสบ หรือมีรอยแผลเป็น อารมณ์แปรปรวน ปวด/เจ็บเต้านม มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท้องนอกมดลูก) หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หลังใช้ยาฝังคุมกำเนิด เมื่อไรต้องพบแพทย์ก่อนนัด? เมื่อใช้ยาฝังคุมกำเนิด ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อ ปวดแขนที่ฝังยาผิดปกติ หรือ อักเสบ (แผลบวม แดง ร้อน) หรือ เป็นหนอง หายใจลำบาก แน่นหน้าอก (อาการของการแพ้ยา) ปวดศีรษะมากผิดปกติ แขน ขา อ่อนแรง (อาจเป็นอาการของ ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หรือโรคทางสมอง ) ใครคือสตรีที่เหมาะที่จะใช้ยาฝังคุมกำเนิด? สตรีที่เหมาะที่จะใช้ยาฝังคุมกำเนิด คือ ผู้ที่ลืมรับประทานยาบ่อยๆ รวมทั้งยาเม็ดคุมกำเนิด ต้องการคุมกำเนิดในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี มีข้อห้ามในการใช้การคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น กำลังให้นมบุตร ใครคือสตรีที่ห้ามใช้ยาฝังคุมกำเนิด? สตรีที่ห้ามใช้ยาฝังคุมกำเนิด คือ โรคตับ เพราะผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิด อาจส่งผลให้เกิดตับอักเสบเพิ่มขึ้นได้ มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งลุกลามแพร่กระจาย มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆที่ไม่ทราบสาเหตุ เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจกระตุ้นให้เลือดออกมากขึ้น มีภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เพราะยาฝังคุมกำเนิดอาจรบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวในภาวะเลือดออ
Promo terbesar expert care sudah dimulai, diskon hingga Rp.100.000 sedang berlangsung di shopee, ada juga voucher diskon 100% alias gratis bagi bunda yang beruntung. Buruan cek di https://shope.ee/9UfEMMqqTg (id-8894)