8 ตอบกลับ

น่าจะเกิดจากเรากินมากไปรึเปล่าค่ะ

ท้องปั้นจ้า เราก้อเป็น

ตามด้วยคนค่ะ

รอคำตอบด้วยคนอ่ะจ้า คือเปนเหมือนกันเเต่ไม่รุ้สาเหตุ

ท้องแข็ง ต้องทำอย่างไร แม่ท้องไม่ควรกลั้นปัสสาวะนะครับ หากปวดปัสสาวะให้เข้าห้องน้ำทันที เพราะการกลั้นปัสสาวะนานๆ อาจทำให้เกิดอาการท้องแข็งได้ ไม่บิดขี้เกียจ เพราะจะทำให้ช่องท้องมีปริมาตรเล็กลง ความดันในมดลูกก็จะสูงขึ้น ทำให้ท้องแข็งได้ ไม่ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้อิ่มจนเกินไป เพราะอาหารที่มากไป ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ รวมทั้งอาหารไม่ย่อย จนเกิดอาการท้องแข็งได้ ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะบางท่าของการมีเพศสัมพันธ์อาจไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้ ไม่ควรสัมผัสกับอวัยวะที่ไวต่อการกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวบ่อย ๆ เช่น บริเวณหน้าอก เต้านม เป็นต้น ระหว่างอาบน้ำก็ไม่ควรไปฟอกไปจับบริเวณหัวนมจนเกินความจำเป็น หากหัวนมแข็งชันขึ้นมาเมื่อไหร่ มดลูกก็อาจจะแข็งตัวตามมาได้

ท้องแข็งเพราะกินอิ่ม สำหรับแม่ท้องบางคน โดยเฉพาะคุณแม่ท้องแก่ อาจจะมีอาการท้องแข็งหลังกินข้าว กินอะไรเข้าไปก็รู้สึกแน่นไปหมด บางครั้งก็แน่นจนแทบหายใจไม่ออก ต้องนั่งสักพัก ยืดตัวยาว ๆ สักพักอาการก็จะดีขึ้นเอง อาการท้องแข็งแบบนี้เกิดจากการที่ความจุของช่องท้องมีพื้นที่จำกัด มดลูกที่โตขึ้นตามอายุครรภ์ไปเบียดแย่งที่กับอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้อง กระเพาะปัสสาวะถูกเบียด กระเพาะอาหารลำไส้ก็ถูกเบียดขึ้นไปจนติดอยู่ใต้กระบังลม พอกินอะไรเข้าไปก็จะรู้สึกแน่นไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ตัวเล็ก ๆ สั้น ๆ ก็จะมีอาการแบบนี้ง่ายเป็นพิเศษ อาการท้องแข็งแบบนี้ ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดอาการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนดนะครับ โดยมากจะเป็นความรู้สึกท้องแข็งแน่นท้องมากกว่า ถ้าไปพบคุณหมอเมื่อจับมดลูกดูก็จะพบว่า ท้องไม่ค่อยแข็งมาก หรือเรียกว่าอาการท้องตึงมากกว่า และไม่ได้เกิดจากมดลูกมีการบีบตัว คำแนะนำที่ช่วยลดอาการนี้ คือ ควรกินอาหารอ่อน ย่อยง่าย แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ รับประทานครั้งละน้อย ๆ หลังทานแล้วก็ต้องนั่งให้เรอออกมาก่อน แล้วพยายามอย่าให้ท้องผูก และควรขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน ก็จะแน่นท้องน้อยลงครับ ท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัว อาการท้องแข็งแบบนี้ มดลูกในท้องของคุณแม่จะมีอาการแข็งทั้งหมด ไม่แข็งเป็นบางจุดเหมือนอาการท้องแข็งเพราะเด็กโก่งตัว และจะมีอาการปวดท้อง เหมือนปวดประจำเดือน อาการท้องแข็งแบบนี้นี่แหละครับที่มักมีปัญหา โดยอาการท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัวนั้น สามารถแยกย่อยได้ดังนี้ 1. ท้องแข็งของแท้ (มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด) ปกติแล้ว มักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นช่วงก่อน 28 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ ช่วงที่พบว่ามีอาการท้องแข็ง มดลูกบีบตัวก่อนกำหนดบ่อยที่สุด ก็คือช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ซึ่งก็เป็นช่วงที่ลูกในท้องดิ้นมากที่สุด การที่ลูกดิ้นมาก ๆ ก็อาจมีส่วนไปกระตุ้นทำให้มดลูกบีบตัวบ่อยขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน และถ้าผ่านช่วง 32-34 สัปดาห์นี้ไปแล้ว อาการท้องแข็งก็จะน้อยลง คุณแม่ท้องบางคน พอถึงเวลาครบกำหนดคลอด แต่กลับไม่มีอาการเจ็บท้องคลอด จนบางทีเลยกำหนดไปเลยก็มี แต่หากแม่ท้องมีอาการท้องแข็งบ่อย และถี่ขึ้น ไม่ได้แข็งเป็นบางจุด และบางทีรู้สึกแข็งมาก หรือแข็งจนรู้สึกแน่นหายใจไม่ออก และอาการไม่ดีขึ้น ควรจะรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด เพราะหากท้องแข็งแล้วไม่ได้รับการดูแลรักษา มดลูกจะบีบตัวจนปากมดลูกเปิด ตามมาด้วยการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนดได้ 2. ท้องแข็งตามธรรมชาติ (Braxton Hicks Contraction) แม่ท้องบางคนอาจมีอาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบตัวได้ เป็นการแข็งตัวนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เกิดขึ้นได้เองเป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า Braxton Hicks Contraction แบบนี้ไม่เป็นอันตรายครับ

ท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัว อาการท้องแข็งแบบแรกที่เจอกันบ่อย ๆ นั่นก็คือท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัว โดยแม่ท้องจะรู้สึกว่ามีอาการท้องแข็งแบบ “แข็งบางที่ นิ่มบางที่” ท้องแข็งแบบนี้ เกิดจากเด็กในท้องดิ้น หรือโก่งตัว โดยอวัยวะของลูกในท้องอย่างเช่น ศอก ไหล่ เข่า หัว หรือก้น จะนูนตรงนั้นตรงนี้ไปทั่ว ส่วนที่มักจะนูนโก่งแข็งจนมดลูกเบี้ยวไปข้างนึงเลยก็มักจะเป็นหลัง กับ ก้น อีกด้านนึงก็จะนิ่มกว่า แล้วก็จะรู้สึกลูกด้นเป็นจุดเล็กจุดน้อย ด้านนั้นก็จะเป็นส่วนของมือ ส่วนของเท้า

ท้องแข็งแบบต่างๆ เมื่อแม่ท้องมีอายุครรภ์มากขึ้น มดลูกก็จะขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปกติแล้วมันก็มักจะเป็นก้อนนิ่ม ๆ เมื่อคลำไปจะเจอทารกดิ้นอยู่ แต่หากจู่ ๆ มดลูกกลับแข็งเป็นก้อน ๆ บางทีก็รู้สึกแน่นท้อง รู้สึกว่าท้องแข็ง ซึ่งอาการ ท้องแข็งแบบต่างๆ นี้หมายความว่าอะไร ใกล้คลอดหรือเปล่า ไปติดตามกันเลย ท้องแข็งแบบต่างๆ แยกอย่างไร อาการท้องแข็ง ตามความหมายของคุณหมอมักจะหมายถึง การบีบตัวของมดลูก เป็นอาการที่พบได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการท้องแข็งนี้ มักจะสร้างความกังวลใจให้กับแม่ท้องไม่น้อย บางครั้งพอลุกยืนท้องก็แข็ง ล้มตัวนอนท้องก็แข็งอีก จนแม่ท้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายบ้าง กลัวว่าจะเป็นอาการใกล้คลอดบ้าง เรามาดูกันว่า ท้องแข็งแบบต่างๆ แยกอย่างไร มีลักษณะแบบไหนบ้าง

ท้องแข็ง คนท้อง อันตราย อะไรที่ควรหยุด!!! เมื่อรู้สึกท้องแข็ง ท้องแข็ง คนท้อง อันตราย คนท้อง ท้องแข็ง 1. เมื่อท้องแข็ง อย่าจับท้องบ่อย เพราะยิ่งจับบ่อย ก็ยิ่งแข็งบ่อยนะคะ เพราะมดลูกเป็นอวัยวะที่ประกอบไปด้วย กล้ามเนื้อมากมายและไวต่อการกระตุ้นมาก เอามือจับไปจับมามดลูกก็แข็งตัวขึ้นมาได้ คุณแม่ที่รู้สึกว่าท้องแข็งบ่อยมักจะชอบเอามือไปลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่ตลอด ด้วยเป็นกังวลว่า มดลูกมันจะแข็ง ดังนั้น ไม่ควรใช้มือไปลูบท้องบ่อย ๆนะคะ 2. เมื่อท้องแข็ง ห้ามมีเพศสัมพันธ์ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ช่วงที่ท้องแข็งบ่อย หากถึงจุดสุดยอดขึ้น มดลูกก็จะมีการบีบตัวเป็นจังหวะตามมาอีก นอกจากนั้นในทางการแพทย์ก็ยังพบว่า ในน้ำอสุจิจะมีสารเคมีที่ชื่อว่า โปรสต้าแกลนดิน สารตัวนี้เป็นตัวการสำคัญของธรรมชาติที่ทำให้ปากมดลูกขยายตัวในระหว่างการคลอด ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์คุณหมอจะสั่งห้ามให้หลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำเชื้อเขาไปข้างในเพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการท้องแข็งและการคลอดได้ 3. เมื่อท้องแข็ง ห้ามบิดขี้เกียจ คุณแม่อ่านไม่ผิดหรอกคะ ห้ามบิดขี้เกียจจริง ๆ เพราะจะทำให้เกิดอาการท้องแข็ง เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนกับตอนที่เราบิดผ้าเปียก ๆ นั่นแหละน้ำที่ค้างอยู่ในผ้าจะไหลออกมา เช่นเดียวกับตอนเราบิดขี้เกียจเหมือนกัน ช่องท้องของเราปริมาตรจะเล็กลง ความดันในมดลูกก็สูงขึ้น ท้องก็เลยแข็ 4. เมื่อท้องแข็ง ห้ามกลั้นปัสสาวะ อย่ากลั้นปัสสาวะ เพราะบริเวณดังกล่าวอยู่ตรงตำแหน่งที่มดลูกอยู่เดิมนั้น เคยเป็นพื้นที่ของกระเพาะปัสสาวะมาก่อน พอท้องโตขึ้นมากระเพาะปัสสาวะกับมดลูกก็เลยต้องเบียด แย่งที่กันอยู่ตรงนั้น ยิ่งท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ กระเพาะปัสสาวะยิ่งจะถูกเบียดเล็กลงเรื่อย ๆ คุณแม่เลยต้องปัสสาวะบ่อยขึ้น คราวนี้หากกลั้นปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะก็จะโป่งมากขึ้น แล้วก็จะไปกดเบียดมดลูกจนมดลูกมีความดันสูงขึ้น ดังนั้น คุณแม่ก็มักจะท้องแข็งบ่อย ตอนกำลังจะปวดปัสสาวะ พอปัสสาวะออกไปแล้วอาการท้องแข็งก็บรรเทาลง

คำถามยอดฮิต