11เม.ย2563วันที่เจ็บปวดก็มาถึงค่ะ
7เม.ย63 ลุกขึ้นมาฉี่มีมูกใสไหลตามขาลงมาแต่ไม่ได้คิดอะไร
8เม.ย63 กลางดึกลุกขึ้นมาฉี่วันนี้มูกใสข้นขึ้นเหมือนกาวใสเหนียวๆที่หมดอายุ แต่ก็ไม่ได้ปวดท้องกลับไปนอนต่อได้
9เม.ย63 ปวดหน่วงท้องเล็กน้อย เลยลุกขึ้นมาฉี่ มีมูกปนเลือดนิดหน่อย สัญญาณใกล้คลอดสินนะ แต่ก็ไม่ได้ปวดท้องมากแค่รู้สึกเหมือนเรากลั้นฉี่นานไปหน่อยเลยหน่วงท้อง
เช้าวันที่10เม.ย63 มูกปนเลือดไหลออกมาอีกครั้งคราวนี้เริ่มเห็นสีแดงๆชัดขึ้น สงสัยปากมดลูกเปิดแล้วสินะ ชวนสามีไปโรงบาลแต่ดันติดงาน เลยต้องรอแม่พาไปตอนบ่าย ไปถึงโรงบาลก็บ่าย2โมง เล่าอาการให้พยาบาลฟัง เค้าก็ส่งตัวไปห้องคลอด พยาบาลก็พาไปนอนเอาเครื่องมารัดหน้าท้องฟังเสียงหัวใจ ดูความถี่การหดรัดตัวมดลูก ก็ปกติดี ท้องยังแข็งห่างๆ เลยตรวจปากมดลูกเพิ่งเปิด1เซน หันมาถามว่าจะนอนโรงบาลมั้ย ถ้านอนก็ไม่ได้ทำอะไรให้นะ ปากมดลูกเพิ่งเปิดเซนเดียวเอง อาจจะอีกหลายวันกว่าจะคลอด เราเลยตัดสินใจกลับไปดูอาการที่บ้าน หมอพยาบาลก็แนะนำบอกอาการต่างๆ มีน้ำเดินมีท้องแข็งปวดท้องให้ไปโรงบาลทันที
กลับมาก็อาการปกติ อาบน้ำกินข้าว เข้านอนปกติเหมือนทุกวัน
ตี1.15 เป็นเวลาของวันที่11เม.ย63 กลางดึกแสนเงียบสดุ้งตื่น ปวดท้องแบบบีบมาก เป็นอยู่1นาทีหายไป ท้องแข็งเกร็ง อีก5นาทีเริ่มปวดอีกรอบ นอนพลิกไปมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดอาการปวดลง จนสามีที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมา เราก็ยังนอนกัดฟันทนปวดไม่ได้บอก จนผ่านไปครึ่ง ชม. อาการปวดเริ่มถี่ขึ้น ท้องแข็งนานขึ้น มดลูกเริ่มบีบ เริ่มปวดฉี่ ปวดหลัง ปวดหน้าขา สามีลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำกลับมาเลยบอกเค้าว่าปวดท้อง เค้าก็ถามว่าปวดท้องอะไร เราก็ว่าเหมือนจะคลอด สามีเลยรีบเปลี่ยนชุดตัวเอง เก็บของขึ้นรถ เสื้อผ้าตะกร้าเตรียมคลอด ปลุกลูกสาว ให้ไปอยู่ห้องย่าก่อน รีบมาพาเราลุกขึ้นแต่เราว่ายังปวดไม่มาก เลยมานั่งอยู่เก้าอี้หน้าบ้านอีกนานพอควร แม่สามีลงมาดูรีบไล่เราขึ้นรถ กลัวจะไปไม่ทันคลอดกลางทาง ตี2ครึ่งเราออกจากบ้าน ระยะทาง20กิโลถึงโรงบาล จากทีแรกที่คิดว่ารอตี4ค่อยไป ดีที่ตัดสินใจไปก่อน ถึงโรงบาล เจ้าหน้าที่เข็นเราขึ้นชั้น4ห้องคลอดทันที อาการปวดท้องก็ปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังทนได้ เรามองนาฬิกา ตี3พอดีที่เราขึ้นไปถึง พยาบาลก็ให้เราขึ้นนอนบนเตียง ตรวจปากมดลูกเปิด9เซน เราตกใจมากไม่คิดว่าจะเปิดเร็วขนาดนี้ พยาบาลรีบมาก มีกันอยู่2คน คนนึงวิ่งไปเตรียมเครื่องมืออีกคนหยิบชุดให้เราเปลี่ยน แบบโยนให้เราเลย บอกให้เรารีบเปลี่ยนรีบเข้าไปที่ห้องคลอด สรุปพยาบาลหยิบเสื้อให้เรา2ตัว เราต้องเดินออกมาหยิบผ้าถุงเอง แบบตอนนั้นก็ขำๆไปด้วย เปลี่ยนชุดเสร็จก็ยังเดินไปขึ้นเตียงคลอดเองแบบชิวๆมาก พยาบาลให้ชันขาขึ้น ตรวจปากมดลูกอีกครั้งยัง9เซนอยู่ พยาบาลอีกคนเอาน้ำเกลือมาแทงใส่แขน เจาะเลือด อีกคนวิ่งเอายาเร่งมาฉีดใส่ขวดน้ำเกลือ แล้วก็วิ่งมาที่หว่างขาเรา พร้อมล้วงมือเข้าไปในช่องคลอดเพื่อเจาะถุงน้ำคล่ำ พอถุงน้ำคล่ำแตกแค่นั้นเอง ความปวดทวีคูณ10เท่า แต่ยังไม่มีลมเบ่ง พยาบาลบอกให้เบ่งเพื่อมดลูกจะได้เปิดครบ10เซน เราก็เบ่งสุดกำลัง เบ่งอยู่นับ10ครั้งพยาบาลก็ ทิ้งเรานอนอยู่บนเตียงคนเดียว แล้วเดินหายไป10นาที เราก็ปวดจนขาสั่นไปหมด พยาบาลอีกคนวิ่งมาดูคลื่นหัวใจเด็ก เห็นบอกกันว่าเด็กหัวใจเต้นช้า เอาสายออกซิเจนมาให้เราสูด เอายามาฉีดใส่ กระปุกน้ำเกลืออีก เรากลัวว่าลูกจะเป็นอะไร รีบเบ่งสุดกำลัง ไม่รอลมเบ่งแล้ว ยิ่งเบ่งยิ่งปวด ยิ่งปวดลมเบ่งก็ไม่มาสักที รวบรวมกำลังสุดที่มีเบ่งอยู่เกือบ10ครั้ง รู้สึกเหมือนเราท้องผูกอยากถ่าย แต่มันถ่ายไม่ออก แล้วลมเบ่งที่รอคอยก็มา เราหมดกำลังแล้วในใจคิดว่าโดนผ่าแน่ๆ แต่ก็สมองก็สั่งให้สู้ พอลมเบ่งเริ่มมาเราก็เบ่งสุดกำลัง เบ่งอยู่5ครั้งรู้สึกว่าหัวน้องโผล่ออกมาแล้ว เราดีใจสุดๆ มีความรู้สึกว่าน้องตัวใหญ่มาก ขาเราที่นอนถ่างอยู่ ดูแคบไปเลย แต่ก็ยังปวด ยังอยากเบ่งอยู่ หมอลงมาดู พยาบาลช่วยดึงหัวไหล่น้องโยกไปมา เราก็เบ่งอีกครั้งแบบสุดกำลัง น้องออกมา พยาบาลยกขึ้นให้ดูเพศลูก พร้อมถามว่าเห็นลูกรึป่าว ญ รึ ช เราพยักหน้าค่ะ ช.ค่ะ
ความเจ็บปวดหายไป แต่ขาสั่นไม่หายพยาบาลคนนึงเย็บแผลให้เรา อีกคนพาน้องออกไป เราได้ยินเสียงน้องร้องลั่น พยาบาลที่เย็บแผลชวนเราคุย ไม่ให้หลับ พอเย็บเสร็จก็ให้เรานอนดูอาการ1ชม. ตี3.42นาที น้องคลอดออกมาน้ำหนัก3360กรัม ร้องโอ้โหเลย ถึงว่าเบ่งกว่าจะออก 6โมงเช้า รถมาเข็นเราไปห้องพักฟื้น พยาบาลอุ้มลูกมาให้
ความเจ็บปวดที่โครตมีความสุข?
11เม.ย2563 /03.42น. /ขอบคุณที่อ่านนะคะ