10 ตอบกลับ
10. ฝังเข็ม บางคนเชื่อว่าการฝังเข็มสามารถช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ เพราะจากคำบอกเล่าของคนโบราณที่บอกต่อๆ กันมาว่า การฝังเข็มหรือการวางเข็มไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย มันเป็นการเชื่อมต่อการรักษาจากภายนอกสู่ภายใน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เหมือนนกัน หากคุณแม่ไปเจอคนฝังเข็มที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญมากพอ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ถ้าใครจะรักษาวิธีนี้ควรถามคนฝังให้ดีว่ามีความรู้ในด้านใด 11. สะกดจิตตัวเอง บางคนอ่านแล้วคงงง สะกดจิตตัวเองคืออะไร? ทำยังไง? เวลาที่แม่ๆ แพ้ท้อง มักะมีความวิตกกังวลต่างๆ นานา เดี่ยวก็เหนื่อยง่าย ข้าวก็กินไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรง นานวันยิ่งเครียดหนักไปอีก ทำให้ไม่อยากกินข้าวเลยก็มี สำหรับการสะกดจิตตัวเองนี้ เหมือนเป็นการใช้จิตในการสั่งร่างกายว่าให้กินข้าวบ้างน่ะ พักผ่อนเยอะๆ เพื่อบำรุงร่างกายและลูกน้อยในครรภ์ คิดถึงลูกเยอะๆ แล้วคุณแม่ก็จะมีแรงฮึดต่อสู้กับอาการเหล่านี้ค่ะ 12. วิตามินบี 6 อย่าให้ขาด การขาดวิตามินบี 6 เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนท้องเกิดอาการคลื่นไส้ หากคุณแม่คิดว่าตัวเองต้องขาดวิตามินแน่ๆ อาจใช้อาหารเสริมช่วยได้ แต่ไม่ควรทานยาเกิน 10-25 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน ทั้งนี้ อย่าลืมปรึกษาคุณหมอที่แม่ๆ ฝากครรภ์ไว้ก่อนนะคะ 13. ยาแก้อาการคลื่นไส้ คนท้องต้องระวังอีกอย่างคือเรื่องยา เวลาเจ็บป่วย หรืออาการอะไรก็แล้วจะไม่สามารถทานยาได้ เพราะยาบางชนิดจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ สำหรับคนที่แพ้ท้องมียาบางตัวที่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้ เช่น Diclegis, Zofran (Ondansetron), Vistaril (Hydroxizine) เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้คุณแม่ปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะซื้อยาใช้เองทุกครั้งนะคะ
13 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง 13 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง เหมาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ แล้วมีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงจนทำอะไรไม่ได้สักที เดินแปปๆ ก็เหนื่อย แค่ลุกก็หน้ามืด ได้กลิ่นอาหารก็อยากจะอาเจียน มาค่ะ มาดูวิธีแก้อาการแพ้ท้องของคุณแม่กัน 1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อาการคนท้องในช่วงเริ่มต้นแรกๆ มักจะมีอาการเหนื่อย เมื่อยล้า บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณแม่รู้สึกแย่มากๆ วิธีที่จะช่วยให้แม่รวดพ้นจากอาการเหล่านี้ เบื้องต้นคือการนอนพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวให้มากขึ้น แม่ๆ ก็อย่าลืมพักฟื้นร่างกาย ดูแลตัวเองให้มากๆ นะคะ 2. กินทุกอย่างเท่าที่กินได้ คนท้องจำเป็นต้องกินอากหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพอสำหรับแม่และลูกในท้อง สำหรับแม่ที่มีอาการแพ้ท้องหนักมากคงจะกินอะไรได้ยาก แต่ก็ต้องฝืนกินหน่อยนะคะ เอาเท่าที่ได้ เพื่อลูกในท้องของเรา หลังจากนั้นแม่ตั้งครรภ์ก็ค่อยๆ ปรับการกินทีหลัง โดยอาจจะแบ่งเป็นหลายๆ มื้อ เพราะคนท้องมักจะหิวบ่อย 3. พยายามกินให้บ่อยขึ้น เวลาที่คนท้องมีอาการแพ้ท้องมักจะกินอะไรไม่ลง กินได้นิดเดียวก็ไม่อยากจะกินแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนท้องคือ ลองหาของว่างทานเล็กๆ ระหว่างมื้อ อย่าปล่อยให้ท้องว่างหรือหิวล่ะ เพราะความหิวจะทำให้คุณแม่เกิดอาการคลื่นไส้ได้น้า อาหารที่แนะนำสำหรับคนท้องก็เป็นพวกโปรตีน และเส้นใยสูง เพราะจะทำให้แม่ๆ อิ่มได้นานมากขึ้นค่ะ
4. ตื่นปุ๊ปกินปั๊ป สาเหตุที่คนท้องแพ้ท้องอย่างรุนแรงนั้น เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่ลดลงอย่างมากและท้องที่ว่าง ดังนั้นแม่ๆ ต้องหาตัวช่วยที่จะเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้ได้ ซึ่งก็คือ “คาร์โบไฮเดรต” หรือจะเป็นของหวาน อย่างเช่น น้ำหวาน เครกเกอร์ ดดยเอาวางไว้ใกล้ๆ เตียงนอน ในตอนเช้า หากคุณแม่รู้สึกว่าเวียนหัว คลื่นไส้ อยากอาเจียน ให้คว้ามากินก่อนเลยค่ะ มันจะช่วยให้คุณแม่อาการดีขึ้นได้น้า 13 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง 13 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง 5. ของเย็นๆ ชื่นใจ อาหารเป็นสิ่งที่คนท้องขาดไม่ได้อยู่แล้ว หากคุณแม่ยังกินอะไรไม่ได้ ยังรู้สึกแย่อยู่ ก็ลองหยิบอาหารในตู้เย็นกินดูน่ะ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมเย็นๆ ผลไม้แช่เย็น หรือเป็นพุดดิ้ง โยเกิร์ต ที่แช่เย็นให้ รับรองว่าคุณแม่ต้องรู้สึกดีแน่นอนค่ะ 6. น้ำขิงสักหน่อย ขิงมัสรรพคุณมากมาย ทั้งเรื่องการแก้ปวดท้อง การรักษาอาการคลื่นไส้ ดังนั้นน่าจะเหมาะกับผู้หญิงที่กำลังแพ้ท้องอยู่ ซึ่งมีแบบซองขายตามท้องตลาดทั่วไป คุณแม่อาจจะเอาน้ำขิงมาผสมกับโซดา ทานกับขนม เพื่อช่วยให้ทานง่ายขึ้นก็ได้นะคะ แล้วอาการแพ้ท้องก็จะค่อยๆ ขึ้นเองค่ะ
7. จิบน้ำบ่อยๆ คุณแม่ที่รู้สึกแพ้ท้องหนักๆ ต้องพยายามจิบน้ำเยอะๆ ในระหว่างวัน ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำค่ะ วิธีสสังเกตก็ง่ายๆ คือ ทุกครั้งเวลาที่เข้าห้องน้ำก็สังเกตดูว่าปัสสาวะมีสีอะไร ถ้ามีสีเหลืองเข้มแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ให้พยายามดื่มน้ำให้มากๆ ค่ะ 8. สะระแหน่ช่วยคุณได้ หลายคนสงสัยว่าสะระแหน่ช่วยเรื่องอะไร เพราะแม่บางคนได้กลิ่นก็แย่แล้ว ใบสะระแหน่นี้แนะนำให้แม่ใช้เวลาที่รู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอาเจียน ให้ลองเคี้ยวใบสะระแหน่ดู เพราะด้วยความเย็นของมันจะช่วยต่อสู้กับอาการแพ้ท้อง ทำให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น สบายขึ้นยินขึ้น แนะนำว่าให้คุณแม่พกหมากฝรั่งกลิ่นมินท์ติดตัวไว้เวลาที่มีอาการแทนก็ได้ค่ะ 9. ออกกำลังกายเบาๆ แม่ท้องคงคิดในใจว่าแค่ลุกก็ไม่ไหวล่ะ เวียนหัวไปหมด จะให้ไปออกกำลังกายคงแย่แน่ๆ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เราไม่ได้ให้คุณแม่ออกกำลังกายหนักหน่วงขนาดไหน แค่ให้คุณแม่เดินบริหารร่างกายสักประมาณ 20 นาทีก็พอแล้วค่ะ ใครไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เอาแค่พอไหวอย่าหักโหมนะคะ
เรื่องน่ารู้ : การดิ้นของทารกในครรภ์ การดิ้นของทารก, ลูกดิ้นแรง, ลูกดิ้นช้า, ลูกไม่ดิ้น ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ความรู้เรื่องการดิ้นของทารกในครรภ์ไว้ว่า การดิ้นของทารกน้อย โดยทั่วไปแล้วทารกน้อยจะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 16 – 20 สัปดาห์ แต่ถ้าใช้เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง จะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของทารกได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 6 สัปดาห์ การเคลื่อนไหวของทารกที่ต่อเนื่องมากกว่า 20 วินาที จากการศึกษาพบว่า 1. อายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ทารกจะดิ้นประมาณ 200 ครั้งใน 12 ชั่วโมง 2. ทารกจะดิ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ทารกจะดิ้นประมาณ 575 ครั้งใน 12 ชั่วโมง 3. หลังจากนั้นทารกจะดิ้นน้อยลงเรื่อย ๆ และเมื่ออายุครรภ์ 40 สัปดาห์ทารกจะดิ้นประมาณ 282 ครั้งใน 12 ชั่วโมง
เราใช้วิธีกินน้ำเฮลบูลบอยผสมน้ำใส่น้ำแข็งเยอะๆ ค่อยๆ จิบ ข้าวต้มใส่เกลือทำเอง สลับใส่ไข่บ้าง ช่วง 1-3 เดือนลูกน้อยเราจะรับสารอาหารจากถุงไข่แดงในรกเรายังไม่รับสารอาหารจากที่แม่กินคะ เราแพ้กินไม่ได้เลยอ้วกจนเข้า รพ.ให้น้ำเกลือหลังจากผ่าน 3 เดือนอาการแพ้หายสนิทเลยคะ
ถ้ากินข้าวไม่ได้หรือเบื่อ แนะนำ ทานขนมปัง นม หรือขนมให้ที่โปรตีนและพวกคาโบไฮเดตแทนจ้า ฝืนทานหน่อยเพื่อลูกน้อยจ้ะ สู้ๆน้า ประมาน12-14 วีคอาการแพ้จะเบาหรือหายไปจ้า
ตื่นมาปุ้ปจิบน้ำแดงเฮบลูบอยเย็นๆเลยค่ะ หรือน้ำส้มเย็นๆๆ ใช้วิธีนี้อยู่ ช่วยได้ค่ะ
ดื่มน้ำขิงช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้นะคะ
ทานผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยได้ค่ะ
Duangnapa Teddyyui