เลิกกับแฟนต่างชาติตอนท้อง 6 เดือนค่ะ

เรามาเรียนต่างประเทศโซนยุโรปค่ะ และมีแฟนที่ตปท.เป็นฝรั่งค่ะค่ะ รู้จักกันได้ 4เดือนก็ตั้งครรภ์ค่ะ เลิกกันครั้งแรกคือก่อนรู้ว่าตั้งครรภ์ 1 วันคือเลิกกัน เหตุผลคือเรารู้สึกเค้างกค่ะ เราไปบอกเค้าเรื่องเค้าไม่พยายาม ตัวอย่างนะคะ มีแต่เราต้องนั่งรถไฟไปหาเค้าอีกเมือง ในขณะที่เค้ามาหาเราเค้าจะมาเมื่อมีงานที่บริษัทจ่ายให้มา เค้าเลยขอเลิกค่ะ หลังเลิกกัน 1 วันตรวจว่าเราท้องค่ะ เลยได้คุยกัน เค้าขอกลับมาคบกับเราต่อค่ะ ช่วงก่อนเรากลับไทย1เดือน ตอนนั้นท้องได้ 4เดือน เราไปอยู่บ้านเค้าทะเลาะกันตั้งแต่ 5 วันแรกค่ะ เค้าบ่นเรื่องเรานอนดิ้นทำให้เค้านอนไม่หลับ บ่นเรื่องปิดประตูเสียงดัง(ซึ่งเราพยายามปิดเบาที่สุดแล้ว) บ่นเรื่องเราทำอาหารเช่นแกงเขียวหวานไม่ข้น บ่นเรื่องเราใช้ห้องน้ำเปียก เราทำเปียกฝั่งที่มันเป็นส่วนของที่เปียกได้ค่ะ เค้าโกรธเราเรื่องนี้มาก เราเลยร้องไห้ค่ะ และบอกว่าสิ่งที่เค้าทำมามันเกินไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆทุกวันแบบนี้ คุณทำแบบนี้มันทำให้ฉันคิดถึงแฟนเก่าที่เขามีความเอื้ออาทรกัน เค้าโกรธเราค่ะ แต่เค้าก็มาขอโทษ แต่เรายังอารมณ์ค้างค่ะนอนกับเค้าก็ร้องไห้ตลอดจนเค้ารำคาญ แล้วจะย้ายไปนอนโซฟาเอง เราเลยอาสาไปโซฟาเองค่ะเพราะเป็นบ้านเค้าเราเกรงใจ ก็ทะเลาะกัน เค้าจะมากอดเราเราไม่ให้เค้าแตะตัวค่ะ สุดท้ายเค้าไล่เรามานอนในห้องค่ะ เค้าจะมากอดเราเราไม่ให้เค้าแตะตัวค่ะ ตื่นเช้ามาเค้ามาขอเราเลิกค่ะ และให้เราออกจากบ้านเค้า ให้ขนของกลับย้ายไปอีกเมืองในขณะท้อง 4 เดือน ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจเปลี่ยนเที่ยวบินบินกลับไทยค่ะ ให้กลับเร็วขึ้น ปรากฏว่าเค้าเสียใจร้องไห้ค่ะ เราเลยใจอ่อนกลับไปคบและยังรักเค้าอยู่ กก็อยู่ต่ออีก 2 สัปดาห์จนครบเวลากลับไทยค่ะ ช่วงกลับไทยเรามาฝากครรภ์ต่อที่ไทย เราอายุเกิน 35 ปีก็ต้องตรวจ NIPT ค่ะ เพื่อดูเรื่องดาวน์และโรคอื่นๆของลูก จริงๆ บอกเค้าตั้งแต่อยู่ตปท.ว่าจะตรวจ NIPT ที่มันแม่น 99.9% แต่เค้าบอกมี combine test อีกตัวนึงที่แม่น 85% ก็พอ พอถึงไทยหมอบอกให้ตรวจ NIPT ค่ะไม่ไงั้นต้องเจาะน้ำคร่ำ เราเลยตัดสินใจตรวจ NIPT ตอนนั้นเพราะถ้าไม่ตรวจอายุครรภ์ก็จะช้าไปเกินที่จะตรวจ ตอนช่วงนั้นแฟนนอนหลับค่ะในเวลาประเทศเค้าและไม่ได้เปิดเครื่อง เราเลยไม่ได้บอก พอเค้าตื่นมาเราบอกเราตรวจ NIPT นะ คุณโอเคจะแชร์หารค่าใช้จ่ายการตรวจกับฉันไหม เขาบอกว่าไม่จ่ายค่ะ ให้เหตุผลว่าไม่ได้คุยกันก่อน และเสริมด้วยเหตุผลว่าหมออยากได้เงิน และเราตัวเพื่อความสบายใจเราเองไม่ได้เพื่อลูก เราก็เลยโอเค งั้น step ถัดไปคุยกันเรื่องเตรียมของลูกไว้ก่อนเลยจะได้ไม่มาว่าเราไม่คุยก่อน เราก็ลิสต์ไปค่ะ ว่าของของลูกมีอะไรบ้าง เค้าบอกว่าเค้ารับไม่ได้ที่เรา demanding ค่ะ เหมือนกับเราเรียกร้อง ก็เลยทะเลาะกันค่ะ หายไปหลายวันที่กลับมาคุยกัน เราก็ฝืนยอมรับเหตุผลของเขา ระหว่างนี้ก็คุยกันน้อยเรื่อยๆค่ะ คุยอะไรเค้าก็หงุดหงิดตลอดเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นเอางานวิจัยที่มันหัวข้อตลกให้อ่านก็บอกว่าเรา toxic ระหว่างนี้ก็คุยกันแค่ text ค่ะ นานๆจะโทรคุย จะโทรคุยได้ต้องนัดเค้าล่วงหน้า 1-2 วันค่ะ ต้องตื่นมาตี3-4 เพื่อคุย เค้าจะได้ไม่นอนดึกไม่กวนเวลาเค้า จนล่าสุดเราโทรไปเค้ารำคาญใส่เรา เพราะเราโทรไปบอกเค้าว่าช่วยลดความคิดหงุดหงิดหรือพลังลบใส่เราได้ไหมมันกระทบลูก เค้าก็ตกลงนะคะ คุยด้วยนิดหน่อยเค้าก็รำคาญค่ะ บอกถึงเวลานอนเค้าแล้ว เราเสียใจอึดอัดมาก เลยพิมพ์ข้อความระบายทิ้งไว้ค่ะ เล่าให้เค้าฟังว่าคบกับแฟนเก่าฝรั่งเหมือนกันคนละไทม์โซนแต่ก็จัดเวลาได้ไม่มีปัญหา คุยโทรศัพท์กันตลอด ไม่มีหงุดหงิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ (ที่เลิกกันเพราะแม่ไม่ให้คบค่ะ อันนี้ไม่ได้บอกเค้านะคะ) แล้วก็บอกเค้าว่า คสพ เรามันแปลกที่มันคุยกันไม่ได้เลย แต่สุดท้ายเราคิดได้เราก็ลบข้อความทั้งหมดก่อนเค้าตื่นมาอ่านค่ะ แต่ว่าเค้าก็ไปกู้ข้อความที่เราลบมาอ่านได้ค่ะ จากนั้นเค้ากับเราก็ห่างกันเรื่อยๆ มีมาถามเราว่าจะพร้อมมีsex หลังคลอดตอนไหน ถ้ายังไม่พร้อมให้ออรัลให้ได้ไหมหรือช่วยเขาอย่างอื่นได้ไหม เราก็บอกต้องดูก่อนว่าเลี้ยงลูกเหนื่อยไหม แต่เราก็พร้อมช่วย จนล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนเราโทรไปแต่เขาไม่รับ เราถามเค้าว่าจัดเวลาคุยกันได้ไหม เกิดอะไร ก็ทะเลาะกันอีกค่ะ เค้าบอกว่าตั้งแต่กลับไทยเราไม่ยอมคุยหรือตอบสนองเขา (เขาชอบพิมพ์อะไรมาแบบ dirty มากๆค่ะ เรารับมุขไม่เป็นค่ะเลยไม่รู้จะตอบสนองยังไง เช่น I want to make your pussy wet, i want to play your pussy, I want you to suck my dick blah blah ค่ะ แต่เราเครียดกับ คสพ และลูก เลยไม่รู้จะตอบไงค่ะ ก็คุยเรื่องลูก) สุดท้ายเค้าบอกเลิกค่ะ เพราะไม่ต่างอะไรกับเพื่อนกันเพราะไม่ได้ fancy กันเลย และเค้าไล่เรากลับไปหาแฟนเก่าค่ะ เค้าบอกว่าให้เรากับเค้าเป็นเพื่อนกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอกเค้า เรื่องลูกบอกว่าจะจ่ายรายเดือนให้ (แต่ไม่บอกว่าจะเท่าไหร่นะคะ เค้างกค่ะ เราไม่มั่นใจว่าจะได้จริงรึเปล่า หรือถ้าได้ก็อาจน้อยมาก เพราะเค้าเคยบอกจะไปเคลมเอาเงินรัฐบาลประเทศเค้าซึ่งเดือนละ 4,500 บาทไทยค่ะส่งมา) และเวลาจะทำอะไรเราต้องไปถามไปขออนุมัติหาเหตุหาผลให้เค้าจ่ายซึ่งถึงตอนนี้ ค่าใช้จ่ายอะไรเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เค้าไม่เคยช่วยออกเลย คำถามค่ะ 1. เราควรไปง้อคืนดีกับเขาไหมคะ เพราะเรามีา่สนผิดที่พูดถึงแฟนเก่า หรือเราควร move on ดีค่ะ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อยากซื้ออะไรใช้เงินตัวเองสบายใจถึงจะหนักที่เราคนเดียว แต่เราเองก็มีอาชีพการงานที่ดีระดับนึงในเมืองไทยรายได้ 80,000 บาทต่อเดือน 2. เราควรให้เค้ามารับรองบุตรไหมคะ หรือไม่ต้องสนใจสัญชาติทางยุโรป ปล. หน้าที่การงานเค้าก็ดีค่ะ เป็นที่ปรึกษาบริษัท

12 ตอบกลับ

อ่านจนจบค่ะขออนุญาตแสดงความคิดเห็น เหตุการณ์คล้ายๆกันกับของเราตอนนี้ท้องได้ 9 เดือนแล้วค่ะแฟนเป็นคนไทยนิสัยจะคล้ายๆกับแฟนเจ้าของกระทู้แต่ว่าเราเลือกที่จะพูดและคุยกับเขาด้วยเหตุผลสิ่งที่รับได้และรับไม่ได้จนหาข้อสรุปได้ "หากคุณรักฉันและลูกมากพอความรักจะไม่มีข้อแม้หรือเหตุผลตั้งแต่แรก" เพราะการท้องที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่แม่ๆต้องเจอคือความทรมานกว่าจะคบ 40 สัปดาห์มันไม่ง่ายเลยนะคะเราพยายามห่างไม่คุยไม่ตอบจากที่อยู่ด้วยกันทุกวัน 7 ปีไม่เคยห่างกันเลยสุดท้ายเราเลือกกลับมาคลอดที่ต่างจังหวัดให้ความคิดถึงวันทำงานให้เขาได้คิดทบทวนว่าเราและลูกสำคัญกับเขาไหมสิ่งที่เราได้คือพฤติกรรมของแฟนเปลี่ยนไปค่ะใส่ใจมากขึ้น ช่วยคิดช่วยดูของให้ลูกสั่งของให้ลูกอยู่บ่อยๆตอนแรกที่อยู่ด้วยกันไม่ได้สนใจเลยค่ะแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายออกคนละครึ่งทุกอย่างจนกระทั่งวันที่เราก้าวขาออกมาเหมือนทำให้เขาคิดได้ เจ้าของกระทู้ลองคิดและทบทวนให้ดีนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าประเพณีและขนบธรรมเนียมของต่างประเทศกับคนไทยไม่เหมือนกันแต่สิ่งที่เหมือนกันคือหัวใจความเป็น"พ่อ"นะคะ หากเขารักลูกและคุณมากพอเขาจะทำทุกอย่างค่ะ

อ่านทุกตัวหนังสือจนจบค่ะ ส่วนตัวคือเราก็มีสามีอยู่ยุโรป อิตาลี และกำลังตั้งครรภ์35+4w คือแฟนของคุณแม่ไม่พร้อมในการเป็นพ่อหรือเป็นแฟนของใครทั้งนั้น มีแต่ความเห็นแก่ตัว เกรี้ยวกราดใส่ ไม่มีการวางแผนใดๆ ไม่มีการแก้ปัญหา ไม่ช่วยเหลือ คิดแต่เรื่องบนเตียง เขาไม่ได้รักคุณแม่เลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างคุณแม่สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ไม่เยอะค่ะและใช้เวลาในการยื่นเอกสารต่างๆ คุณแม่คลอดที่ไทยต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องเอกสาร *ถ้ารักกันก็คงแนะนำให้รับรองบุตรค่ะ แต่ถ้าดูแล้วไม่ใช่ การรับรองบุตรคนเป็นพ่อสามารถดำเนินการทางกฎหมายเอาลูกไปจากอกแม่ เพราะกฎหมายต่างกัน รับรองบุตรจดเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ ถ้าวันข้างหน้าแม่มั่นใจว่าสามีเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่บอกเลยค่ะว่ายากมากๆ และในใบเกิดมีชื่อพ่อได้ค่ะ ใดๆคือตอนนี้แม่ต้องรักตัวเองมากๆ ความเครียดมีผลต่อเด็กมากๆค่ะ

อ่านจนจบเลยค่ะ รู้สึกว่า ผช. จะเป็นคนที่รักตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกที่เราต้องหมุนรอบตัวเค้า และไม่มีความเสียสละหรือเห็นอกเห็นใจคนอื่น(แฟน)เท่าไหร่ ไม่ค่อยแคร์โลก เหมือนเราต้องเป็นฝ่ายตาม ฝ่ายยอมเค้าตลอด ในส่วนของคำตอบข้อ 1. เราไม่ควรไปง้อเค้าค่ะ เพราะยิ่งง้อเค้ายิ่งได้ใจ คิดว่าเรายอมเค้า แล้วครั้งต่อๆไป เราก็ต้องเป็นฝ่ายยอมเค้าตลอด ในอนาคตอาจทะเลาะกันส่งผลทำให้เราเครียดเสียสุขภาพจิต เรื่องแฟนเก่าเค้าก็มีส่วนที่ทำให้เราต้องพูดถึงความดีของแฟนเก่า ถ้าตัวเองตัดสินใจเลิกเด็ดขาด อาจเสียใจแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ถ้าไม่เลิกอาจเสียใจเรื่อยๆ ไม่รู้กี่ครั้งถ้าเค้ายังทำตัวแบบเดิม อีกอย่างตัวเองก็มีรายได้พอที่จะเลี้ยงเด็กคนเดียวได้ แต่ถ้าดีลองตกลงให้เค้าช่วยจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กค่ะ ข้อ 2. เรื่องรับรองบุตรถ้าเค้ายอมก็ถือว่าดีค่ะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้แม่นะคะ ❤️❤️

VIP Member

อ่านจบนะคะ คุณแม่เก่งมากที่ผ่านและออกมาได้ ไม่มีใครตอบคำถามของแม่ได้เท่ากับตัวแม่เอง สุดท้ายแล้วคนที่เช้าใจและรู้ทุกอย่างคือแม่ ในมุมมองจากที่เล่า แน่นอนผชคนนี้ไม่ค่อยโอเคในการใช้ชีวิตร่วมกับคนดีๆอย่างแม่เลย แต่ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจแม่ อยากใช้ชีวิตยังไง คิดว่าแม่น่าจะรู้อยู่แล้ว มันยากที่ต้องฮึ้บตัดขาดใครไปเลยนะช่วงที่มันยังแผลใหม่ แต่นี่คิดว่าแม่เก่งเกินกว่าจะมีคนแบบเขามาอยู่ในชีวิต คุณแม่รักษาสุขภาพ ขอให้เบบี๋แข็งแรงๆนะคะ

อ่านจนจบจากที่แม่เขียนมาเรารู้สึกว่าผู้ชายรู้สึกรักคุณน้อยลงแล้ว ถ้าคุยกันแล้วรำคาญกันบ่อยๆ เหมือนจะพยายามห่างกัน สุดท้ายเราว่าแม่ออกมาดีกว่าค่ะ เงินเดือนก็มากพอที่จะเลี้ยงดูลูกได้เอง แต่พยายามให้เขาช่วยจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกให้ได้ด้วยก็จะดีมาก เรื่องรับรองบุตรก็ลองถามความสมัครใจเขาดูค่ะ แต่ถ้าได้สัญชาติยุโรปก็จะดีต่อลูกในอนาคต สู้ๆเป็นกำลังใจให้นะคะ

TapFluencer

เราว่าไม่ต้องไปง้อค่า toxic มาก ออกมาได้คือเก่งมาก ส่วนรับรองอยากให้พ่อทำสัญชาติให้น้องค่า บ้านนี้ก็ทำให้ค่า ง่ายเวลาไปตปท. ค่า และได้สิทธิของพลเมืองที่นู่นด้วยค่า

ควรจบความสัมพันธ์นี้ค่ะ ยิ่งอ่านแล้ว ล้วนมีแต่ปัญหา ขืนอยู่กันต่อไป มีแต่แย่ค่ะ คุณแม่จะเสียสุขภาพจิตมาก โฟกัสลูกเราคนเดียวค่ะ ทุกอย่างเริ่มใหม่ได้เสมอค่ะ

ขออนุญาตตอบนะคะ อ่านจนจบ ข้อ 1 ไม่ควรกลับไปง้อค่ะ ดูเขาก็ไม่ได้สนใจเรากับลูกเท่าไหร่ แอบเห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ 2 ถ้าเค้ายอมก็จะดีต่อเด็กมากๆค่ะ สู้ๆนะคะคุณแม่

ควรจบนะคะ เงินเดือนคุณแม่ก็สามารถเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวได้สบายเลยค่ะ สู้ๆนะคะ

Move on ไปเลยค่ะแม่ สู้ๆนะคะ ช่วงแรกยากหน่อย แต่ผ่านไปได้แน่ๆค่ะ 🤍🤍

คำถามที่เกี่ยวข้อง

คำถามยอดฮิต

บทความเกี่ยวข้อง