12 ตอบกลับ

ผื่นตั้งครรภ์ เรื่องคัน คัน ของแม่ตั้งครรภ์ อาการคันเป็นได้ทุกคนไม่จำกัดเพศและวัย นอกเหนือจากอาการคันที่พบได้ในบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อรา ติดเชื้อแบคทีเรีย ยุงกัด การแพ้สารเคมี แพ้เหงื่อ การแพ้เสื้อผ้า เหมือนคนปกติแล้ว หญิงตั้งครรภ์ยังมีลักษณะพิเศษของโรคผิวหนังที่พบในช่วงตั้งครรภ์ ได้แก่ 1. ผื่นตั้งครรภ์ Pruritic urticarial papules and plaques of pregnancy (PUPPP) พบมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์เฉลี่ยอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ สาเหตุไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าเกิดจากผนังท้องขยายมากทาให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และ คอลลาเจน กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบ อาการผื่นมีหลายลักษณะเช่น ผื่นนูนแดงคล้ายลมพิษ หรือ เป็นตุ่มน้ำขนาดประมาณ 1-2 มม. พบมากบริเวณหน้าท้องโดยเฉพาะที่เป็นรอยแตกลาย โดยเว้นรอบสะดือ แล้วจึงกระจายไปที่ต้นขา ก้น หน้าอก และแขน โดยทั่วไปมีอาการคันมาก ผื่นชนิดนี้ขึ้นนานประมาณ 6 สัปดาห์และหายได้เองหลังคลอดภายใน 1-2สัปดาห์ ไม่มีอันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์แต่อย่างใด การรักษาเป็นการบรรเทาอาการคัน เช่น ยาทาคาลาไมด์ ,ยาทากลุ่มสตีรอยด์ และยาแก้แพ้ ก็เพียงพอ 2.ผื่นตั้งครรภ์ Herpes gestationis ผื่นชนิดนี้พบได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์ ไม่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเริมหรืองูสวัด ลักษณะสำคัญคือเป็นผื่นแดงเฉียบพลันคล้ายลมพิษบริเวณลำตัว หลังจากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส หากมีการแตกของผื่นอาจกลายเป็นตุ่มน้ำใหญ่ได้ และมีอาการคันมาก การรักษาคือใช้ยาทาสเตียรอยด์ ผื่นชนิดนี้พบว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะทารกแรกเกิดมีน้าหนักน้อยกว่าปกติ และภาวการณ์คลอดก่อนกำหนด 3.ผื่นตั้งครรภ์ Pustular psoriasis of pregnancy พบในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ลักษณะเป็นผื่นแดงรวมกับตุ่มหนอง กระจายทั่วลำตัว ผื่นมีอาการคันหรือเจ็บ แม่ตั้งครรภ์อาจมีอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ปวดข้อร่วมด้วย ผื่นมักหายได้เองหลังคลอด และอาจพบภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (hypocalcemia) ,การติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสโลหิต (bacterial sepsis) , ภาวะรกเสื่อม (placental insufficiency) และทารกตายในครรภ์(still birth) การรักษาคือ ใช้ยาสตีรอยด์ขนาดสูงตลอดการตั้งครรภ์ ,ยาไซโคลสปอริน(cyclosporine) ,การรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลตชนิดบี ภาวะนี้มีอันตรายทั้งแม่และทารก ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด 4.ผื่นตั้งครรภ์ Atopic eruption of pregnancy สัมพันธ์กับผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้อยู่ก่อน พบในช่วงไตรมาสที่2-3ของการตั้งครรภ์ ผื่นพบได้ 2 แบบคือชนิด eczematous เป็นผื่นแดง คัน บริเวณใบหน้า ลาคอ หน้าอก และข้อพับแขนขา อีกชนิดหนึ่งคือ ชนิด papular eruption ซึ่งเป็นตุ่มแดง คัน กระจายทั่ว เป็นบริเวณด้านนอกของแขนขา การรักษาใช้ยาทากลุ่มสตีรอยด์ ,ยาแก้แพ้บรรเทาอาการคัน โรคนี้ไม่มีผลกับทั้งแม่และทารกในครรภ์แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่าอิทธิพลของฮอร์โมนจะมีผลต่อการทำงานของตับ โดยทำให้เกิดการขับถ่ายกรดน้ำดีมากผิดปกติ ทาให้เกิดอาการคัน เป็นต้น ซึ่งอาการคันในระหว่างตั้งครรภ์ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสาเหตุก่อน เพื่อจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูก

ผิวพรรณเปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แน่นอนว่าร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งด้านสรีระ และอารมณ์ นั่นเป็นเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกาย มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับผิวพรรณของคุณแม่บ้าง 1.รอยคล้ำ มักจะเกิดขึ้นบริเวณข้อพับของร่างกาย ได้แก่ รักแร้ ขาหนีบ ต้นขาด้านใน หัวนม รวมถึงอวัยวะเพศ โดยบริเวณดังกล่าวจะมีสีเข้มขึ้นกว่าปกติ แต่สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์กลัวกันมาก คือ การเกิดฝ้าบนใบหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ถูกแดดเป็นประจำ ส่งผลให้กระที่อาจเป็นอยู่แล้วมีสีเข้มขึ้น และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะรอยคล้ำเหล่านี้จะเริ่มจางลงหลังจากคลอดแล้ว 2.สิว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันทำให้คุณแม่บางคนมีอาการสิวเห่อขึ้นที่หน้าและตัวได้ ในทางกลับกันคุณแม่บางคนก่อนตั้งครรภ์หน้าเป็นสิวง่าย พอตั้งครรภ์แล้วสิวกลับหายหน้าขาวผ่องก็มี 3.รอยแตกลาย มักพบได้บ่อยดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องที่ต้องขยายขึ้น เรื่อย ๆ สะโพก ก้น หน้าอก ต้นขา อาจเป็นสีชมพูอมม่วง ๆ หรือดำคล้ำในผู้ที่มีผิวคล้ำ บางคนอาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่หลังคลอดแล้วจะจางลงได้อีกเล็กน้อย 4.ติ่งเนื้อสีน้ำตาลดำ มักเกิดขึ้นที่คอ รักแร้ 5.การติดเชื้อรา ที่ผิวหนังบริเวณที่มีการอับชื้น เนื่องจากคนท้องมักขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย จึงเกิดจุดอับชื้นบริเวณซอกพับที่สรีระมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น ใต้ราวนม รักแร้ ขาหนีบ เป็นสาเหตุของการติดเชื้อราแคนดิดาได้ง่าย

ข้อควรรู้ คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการผื่นแพ้เพราะฮอร์โมน คุณหมอมักรักษาตามอาการ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ยาแก้แพ้ใด ๆ เพราะยาอาจมีผลต่อเด็กในครรภ์ได้ และคุณแม่ควรดูแลผิวไม่ให้อักเสบติดเชื้อ พยายามอย่าถูหรือเกา และไม่ควรซื้อยาแก้แพ้มากินหรือทาเองอย่างเด็ดขาดเพราะยาอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ และอาการผื่นแพ้นี้มักจะหายไปหลังคลอดลูก

ปรึกษาคุณหมอผิวหนังหรือคุณหมอที่ฝากครรภ์เลยค่ะ บ้านนี้เปผ้นผื่นตั้งแต่เริ่มคั้งครรภ์เลย เป็นที่แขน ขา แล้วก็พุง จนลามไปหน้าอกใส่เสื้อในไม่ได้ ไปหาหมอแล้วดีขึ้นค่ะ ไม่หายขาดเพราะเป็นการแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ จะหายเองเมื่อคลอด

เป็นตั้งแต่22วีคถึง30วีคค่ะ มาหายตอน30วีค2วันตอนนี้30วีค5วันละ ใช้คีล่าโลชั่น/แป้งตรางู/คารามายวีขวดเขียวๆ ทาๆๆหลังอาบน้ำเสร็จ อาบน้ำเปล่าห้ามฟอกสบู่ ลองดูค่ะส่วนตัว2-3วันหาย ลองยาแพงๆมาหมดแล้วไม่ดีขึ้น มาดี3ตัวนี้😁

ไปหาหมอมา หมอฉีดยาแก้แพ้ ให้ พร้อมจ่ายคาลาไมด์ให้มาทาขวดนึง และยาแก้แพ้ แก้คันชื่อ CPM TAB (4mg.) มาให้ค่ะ อันนี้ย้ำหมอแล้วว่าตั้งครรภ์ หมอบอกทานได้ค่ะ

หาหมอที่ฝากครรภ์เลยจ้า บ้านนี้ก็เป็นผื่นขึ้นที่ท้อง คันมากค่ะ ไปหาหมอ ได้ยามาทากับกิน ตอนนี้ผื่นหาย ไม่คันแล้วคาะ

VIP Member

เป็นเหมือนกันค่ะ หมอให้ยามาทาก็ดีขึ้นมานิดนึงค่ะ ยังไงแม่ปรึกษาหมอที่ฝากครรภ์จะดีที่สุด

เป็นค่ะ คันเหมือนลมพิษ แล้วเปลี่ยนเปงสีคล้ำๆๆทั่วรักแร้เลย

แนะนำตัวนี้ค่ะ คุณหมอฝากครรภ์จ่ายให้เรา ใช้ดีอยู่น้าา

คำถามยอดฮิต