นอกเหนือจากเรื่องภาษา.. โรงเรียนนานาชาติต่างกับโรงเรียนไทยยังไงค่ะ

5 ตอบกลับ
undefined profile icon
เขียนข้อความตอบกลับ

ความแตกต่าวระหว่างโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียน นอกจากด้านภาษาที่ จะใช้ภาษาอังกฤษ 100%ในการเรียนการสอนแล้ว ยังมีข้อแตกต่างด้านอื่นๆเช่น -ข้อแตกต่างด้านหลักสูตรการศึกษา หากเป็นโรงเรียนไทยจะ ใช้หลักสูตรตามกระทรวงศึกษาธิการไทย และโรงเรียน 2 ภาษา (Billingaul) ก้ยังคงใช้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการไทยทุกอย่างแต่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนโรงเรียนนานาชาติ จะมี 2 หลักสูตรที่นำมาใช้ได้แก่ 1. หลักสูตรอเมริกัน หรือ American English ภาษาจะง่าย ๆ แบบคนอเมริกันใช้ การสอนและใช้หนังสือตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา การเรียกระดับชั้นจะเรียกเป็น Grade นอกจากการเรียนแล้วยังเน้นกิจกรรม เน้นทักษะ การเรียนรู้การเอาตัวรอด การแก้ปัญหา หรือ ปรัชญาการเรียนรู้เน้นเรื่อง การเปลี่ยนวิกฤตต่าง ๆ ให้เป็นเรียนรู้ หรือโอกาส เน้นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เน้นการเข้าสังคมอีกด้วยครับผม เรียกว่าหลักสูตรนี้เก่งเรียนและเก่งกิจกรรมมากกว่าหลักสูตรนานาชาติอื่น และได้เปรียบกว่าหลักสูตรที่เน้นเรื่องเรียนอย่างเดียว สำหรับนักเรียนไทยจะได้เรียนวิชาภาษาไทย สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง 2. หลักสูตร สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษนั้นเอง ถ้าโรงเรียนไหน เขา British English เขาจะสอนภาษาเหมือนที่ london การสอนและการใช้หนังสือตามกฏกระทรวงศึกษาธิการของประเทศ สหราชอาณาจักร(อังกฤษ) หลักสูตรนี้จะเน้นภาษาที่ถูกต้องและเน้นการเรียนมากกว่ากิจกรรม เมื่อเรียนถึงชั้นไฮสกูลจะเรียนหลักสูตร A-Level เมื่อเรียนจบสามารถเข้าไปสมัครเรียนได้ที่ ประเทศสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) เท่านั้น แบบ British American เรียกระดับชั้นเป็น year -ข้อแตกต่างด้านการ เปิดปิดภาคเรียน ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการไทย จะแบ่งเป็น 2 ภาคเรียนคือ ช่วงพฤษภาคม - ตุลาคม ปิเภาคเรียนที่ 1 ประมาณปลายเดือรตุลาคม 2 อาทิตย์ และภาคเรียนที่ 2 จะเริ่มต้นประมาณ พฤศจิกายน - มีนาคม ปิดประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึง กลางเดือนพฤษภาคม สำหรับระบบโรงเรียนนานาชาติจะแบ่งเทอมการศึกษาออกเป็น 3 เทอม ดังนี้ -ภาคเรียนที่ 1 (กันยายน - ธันวาคม) ปิดภาคเรียนช่วงคริสต์มาส 3 สัปดาห์ -ภาคเรียนที่ 2 (มกราคม - เมษายน) ปิดภาคเรียนช่วงอีสเตอร์ 2 สัปดาห์ เช่น หยุด 8-15เมษายน -ภาคเรียนที่ 3 (เมษายน - กรกฎาคม) ปิดภาคเรียนภาคฤดูร้อน 4 สัปดาห์ - โรงเรียนนานาชาติจะเน้นด้านภาษาอังกฤษ ถ้าเข้าห้องเรียนแล้วห้ามพูดภาษาของตัวเอง ไม่เน้นการท่องจำ , เน้นด้านทักษะในการพูดในการแสดงออก เน้นการเรียนรู้ที่ดีเช่นการวิเคราะห์ เรียนรู้การแก้ปัญหา การอยู่ร่วมในสังคม - ข้อแตกต่างของจำนวนนักเรียนในห้อง ถ้าเป็นโรงเรียนนานาชาติจะเรียนประมาณ ห้องละ 15 คน ถ้ามีมากกว่านี้ก็ให้เปิดห้องใหม่สอนเลย แต่โรงเรียนไทย จะมีประมาณ 30-50 คนต่อห้อง - ข้อแตกต่างหลังจบการศึกษาในชั้นมัธยมปลาย เวลาที่จบหลักสูตรแล้วนักเรียนโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่จะไป ศึกษาต่อต่างประเทศ หรือไปเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์เกือบทั้งหมด เพราะไปเข้าในคณะปกติของแต่ละ มหาวิทยาลัยไม่ได้ เรียนมาไม่เหมือนกัน แต่ถ้าอยากจะเข้าเรียนในระบบปกติของแต่ละมหาวิทยาลัย นักเรียนนานาชาติก็จะต้อง เข้าสอบโอเน็ต เอเน็ต ตามแบบการศึกษา ในระบบของประเทศไทย -ข้อแตกต่างทางด้านค่าใช้จ่าย สำหรับโรงเรียนนานนชาติ ค่าเทอมจะแพงกว่าโรงเรียนมัธยมทั่วไป ถ้าเป็นนักศึกษาใหม่ที่ไม่ได้เข้าเรียนมา ตั้งแต่อนุบาล ทางโรงเรียนอาจจะบวกเข้าไปอีก 4 แสนบาทต่อชั้น - ข้อแตกต่างด้านบุคลาผู้สอนสอน คุณครูที่มาสอนต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และต้องเป็น Native Speaker จบปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ มีใบรับรองถูกต้องจากประเทศของเขา นอกจากนี้ต้องมีประสบการณ์สอนมาก่อน คุณครูจะมาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ -ข้อแตกต่างทางเครื่องแต่งกายสำหรับนักเรียน การแต่งตัวผู้หญิง แลัผู้ชายไม่ต้องตัดผมตามกฎกระทรวงแบบโรงเรียนทั่วไป ที่โรงเรียนนานาชาติสามารถไว้ผม และย้อมผมได้ ทาเล็บได้ รองเท้าแบบไหนก็ได้ กระเป๋าตามสไตล์ที่ชอบ ขอแค่ให้แต่งชุดนักเรียน แต่วันไหนจะใส่เสื้อพละก็ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่วันที่มีพละ ที่มา บางส่วนจาก http://www.koosangkoosom.com/home.php?mod=space&uid=18&do=blog&id=2180

อ่านเพิ่มเติม