258 ตอบกลับ

ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ บ้านนี้ท้องตอนเรียนจบแล้ว ( จบ ป.ตรี )มีงานทำ แต่ที่บ้านดุและระเบียบจัดมาก ตอนแรกก็กลัว กลัวไปทุกอย่างเพราะพ่อโหดมาก ( พ่อเคยเป็นทหารการทำโทษก็จะโหดหน่อย ตอนนี้พ่อเป็นครู ) แม่ก็ระเบียบเยอะมาก นิ่ง ตีกรอบให้เราทุกอย่าง พอเราแหกกรอบไปแล้วในใจก็กลัว (แม่เป็นครู) เราตรวจ ขึ้น 2 ขีด เราคิดวกวนอยู่นาน จนตัดสินใจว่าท่านรู้เร็วที่สุดน่าจะดีกว่า 2 วันถัดมาตัดสินใจพาแฟนเข้าบ้านเลยค่ะ บอกท่านไป ผลตอบกลับคือท่านนิ่ง น้ำตาไหลทั้งพ่อและแม่ แม่เดินหนีออกจากบ้านไปเลย เกือบตี 1 ท่านค่อยกลับมา และพ่อบอกแฟนเราเสียงแข็งและดุว่า "กลับไปก่อน" ที่บ้านไม่คุยกัน 2 วันบ้านเงียบมาก จนพ่อเราบอกว่า 'พรุ่งนี้พาแฟนมาคุยกันพ่อกับแม่จะคุยด้วย' พอวันถัดมามาคุยกันท่านก็บอกว่ามีความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ เราจะโอเคกันรึเปล่า ซึ่งเรารู้แหละคืออะไรแต่ท่านไม่พูด ( คือเอาออก ) แฟนเราก็ยืนยันหนักแน่นเลยว่าจะเลี้ยง ไม่ทิ้ง ไม่เอาออก พ่อเราถามย้ำๆ เกือบ 5-6 รอบได้ว่าจะเลี้ยงไหวมั้ย จะดูแลได้ใช่มั้ย เพราะการเป็นพ่อคนแม่คนมันไม่ใช่แค่ชั่วคราว การเลี้ยงลูกบางทีต้องเลี้ยงจน 20 ปี แฟนเราก็ยืนยันหนักแน่นว่าไหว แล้วฝ่ายผู้ชายก็ให้ผู้ใหญ่มาคุยกันค่ะ สุดท้ายก็ได้ผูกข้อไม้ ข้อมือ ตอนนี้คลอดน้องแล้วค่ะ คนเห่อที่สุดก็คือตากับยาย ก่อนไปทำงานก็ต้องอุ้มต้องหอม ดึกๆ ก็แอบมามองดูหลาน สู้ๆ นะคะ เดี๋ยวก็ผ่านไป อาจจะเล่างงๆ หน่อยแต่เข้าใจค่ะ สถานการณ์มันกดดันมากจริงๆ ทัังเครียด ทั้งห่วงลูก แต่เราก็ยังคิดว่าท่านรู้เร็วน่าจะเป็นการดีที่สุดค่ะ ปรึกษาพ่อแม่ดีที่สุดค่ะ ท่านอาจจะมีทางออกดีๆ ให้เรา เราเชื่อว่าต่อให้เราทำผิดมากแค่ไหนยังไงท่าคือพ่อและแม่ และเราคือลูกท่านให้อภัยและพร้อมช่วยเราเสมอค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

จะเล่าประสบการณ์ เหมือนเราตอนแรกๆเลยค่ะ แฟนเราที่รู้ว่าท้องใหม่ๆก็รับ ปากบอกว่าจะบอกพ่อแม่ แต่ก็ไม่บอกสักที จนเราเคลียด ไม่รู้จะทำไงที่บ้านตัวเองก็ยังไม่ได้บอก(คือเราจะรอให้แฟนบอกพ่อแม่ฝั่งเค้าก่อนแล้วเราค่อยบอกฝั่งเรา) เลยตัดสินใจแอบโทรไปบอกแม่ของแฟนเองเลยค่ะ ว่าเค้าทำเราท้อง แม่แฟนเราคือดีมากไม่ด่าไม่อะไรเลยนะคะ เค้าพูดอย่างใจเย็นแล้วถามว่าลูกแม่ว่าไง เราก็บอกไปว่าเค้ารับค่ะไม่ให้เอาออก แต่เค้าไม่ยอมบอกแม่สักที แม่เค้าก็โอเค หลังจากบอกแม่เค้าแล้วเราโล่งเลยค่ะ เหมือนทุกอย่างถูกยกออกไปบางส่วน แล้วแฟนเราก็พาเราไปฝากครรภ์ เหลือแต่ส่วนของตัวเองที่ยังไม่ได้บอก คือเราก็ไม่กล้าบอกครอบครัวเราเหมือนกัน เราก็กลัวตอนแรก กว่าจะบอกคือ4เกือบ5เดือนแล้ว คือแม่เราไม่ว่าอะไรเลย ไม่ด่าแต่แค่บ่น เพราะมันมาขนาดนี้แล้วซึ่งแกก็ต้องยอมรับ แนะนำให้รีบบอกค่ะ ครอบครัวเราเค้าไม่อะไรหรอก เราก็กลัวสาระพัดตอนที่ไม่กล้าบอก กลัวว่าเค้าจะรับไม่ได้ จะไล่เราออกจากบ้าน จะด่าจะว่าจะตี แต่ความจริงแล้วมันไม่เป็นแบบนั้นเลย คือเรากลัวไปเอง คิดไปเอง แนะนำให้รีบบอกเลยค่ะ ไม่มีอะไรเลวร้ายและเสียหาย คือบอกแล้วทุกอย่างโล่ง ไม่เครียดเพราะคนท้องไม่ควรเคลียดค่ะ สู้ๆ (ปล.ตอนนี้เราก็ใกล้จะคลอดแล้วทุกอย่างแฮปปี้ค่ะ)✌️😊😊

บอกครอบครัวเราดีที่สุดค่ะ ส่วนตัวก็ท้อง ทั้งทำงานอยู่+เรียนปวชวันอาทิตย์ ตอนท้องใหม่ๆก็ไม่กล้าบอกค่ะกลัวจะรับไม่ได้ กลัวทางบ้านจะคิดมาก เอาตรงๆคืออยู่กับแฟนตั้งแต่ยังไม่ท้อง ช่วงนั้นมีปัญหากับที่บ้าน แฟนมีความคิดค่อนข้างโตเลยให้มาอยู่บ้านเขา รอปัญหาหมดค่อยกลับบ้าน แต่พอปัญหาจบเราเองที่ไม่ยอมกลับเพราะอยู่บ้านแฟนสบายใจกว่า พอไปมาคบกับแฟนเข้าปีที่สอง ช่วงปีใหม่ ตรวจครรภ์สรุปท้อง ตอนแรกไม่กล้าบอกใคร บอกบ้านแฟนเขาก็เฉยๆกัน แต่ก็แค่บอกอย่ากินนู้นนี่ เขาไม่ได้ใส่ใจเราอะค่ะ แต่พอเราตัดสินใจบอกทางบ้านเรา เขาตามใจเรา ดูแลเรา อยากกินอะไรก็ได้กิน เราสบายใจมาก แต่ก็รู้ว่าเขาคงเสียใจ แต่หน้าที่ที่ดีที่สุดตอนนี้คือดูแลตัวเล็กให้ดี รอน้องคลอดหารายได้เสริมเอา ถึงใครจะมองยังไงก็ช่างค่ะ เราทำให้ดีที่สุดพอ สู้ๆนะคะ บอกไปตรงๆดีกว่าปิดบังจนผ่านไปหลายเดือน เขารู้ช้าอาจจะเสียใจที่มีอะไรไม่บอกเขานะคะ เรื่องเรียนก็เริ่มใหม่ค่ะ ดรอปไปก่อน✌️

เราก็ท้องตอนนี้เราม.6แล้ว ตอนแรกจะคิดสั้นเพราะมีปัญหาต่างๆรุมเร้า การเรียนการอยู่การกินเราจะเอาน้องออกค่ะ ไปเอายากับหมอแล้วหมอบอกให้กินเวลา 17.00 แต่เรากลับมาคิดอีกทีเราอยากให้เขาอยู่กลัวแม่ด่าแม่แฟนด่าก็กลัวเลยยังไม่กินยาเพราะถ้ากินคือเลือกเอาน้องออกแล้ว วันต่อมาเราบอกแม่เราแม่ก็เสียใจค่ะแต่แม่ก็บอกว่าอย่าเครียดลูกจะไม่สมบูรณ์แม่แฟนก็เสียใจค่ะดีใจด้วยเขาไม่ด่าเลยเพราะซ้ำเติมยังไงก็ไม่ได้ดีขึ้น สรุปฝ่ายเราฝ่ายแฟนโอเคค่ะ ต่อมาแม่แฟนเพื่อนแม่ยายทางแม่หาแต่ของมาบำรุงให้ตลอดเลยค่ะตอนนี้7เดือนแล้ว ทางรร.จะให้สอบกลางภาคเสร็จแล้วเอางานมาทำที่บ้านค่ะ คลอดแล้วไปเรียนต่อ เพื่อนพร้อมช่วยทุกทาง แรกๆก็คนนินทาเยอะมากเลยในรร. ก็แค่คำพูดคนอย่าสนใจเราพลาดแล้วต้องยอมรับให้ได้ ลองเปิดใจกับครอบครัวก่อนนะคะอันดับแรก สภาพแวดล้อมดีจิตใจดีลูกสมบูรณ์นะคะ สู้ๆ☺️💗

น้องเข้มแข็งมากๆเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ ❤

1.ปรึกษาพ่อแม่ทางฝ่ายตัวเองและฝ่ายชาย พวกเค้ามีประสบการ์ณมากกว่า สามารถให้คำแนะนำได้ 2.ไปฝากครรภ์กับคุณหมอให้เรียบร้อย เด็กตัวน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกจะได้เกิดมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ถ้าคลอดมาแล้วดูแลไม่ไหว จะยกให้สังคมสงเคราะห์ดูแลก็ยังดีกว่าไปฆ่าเค้า 3.หาหนังสือพวกแม่และเด็กมาอ่าน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะดูแลเบบี๋ 4.เตรียมข้าวของเครื่องใช้ พวกเสื้อผ้าเด็กอ่อน ขวดนม แพมเพิร์ส ผ้าอ้อม (เอ้อ... แต่ไม่ต้องรีบเตรียมตอนนี้นะคะ รอให้ถึง7-8เดือนค่อยเตรียมก็ได้) 5.บอกฝ่ายชาย ถ้าโชคดีเค้าอาจจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายและรับรองบุตรเราก็ได้ ควรเปิดโอกาสให้ตัวเองค่ะ เค้าอาจจะดีพอที่จะเป็นพ่อของลูกเราก็ได้ 6.เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่จะเป็นคุณแม่คนเก่ง ที่มีความสุขทั้งกายและใจ เพียงแค่คิดบวกก็ส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กในครรภ์ได้ ลูกออกมาจะได้เลี้ยงง่าย โตเร็ว

ตอนรู้ว่าท้องก้บอกพ่ออันดับแรกค่ะ ทำใจอยู่ 2-3 ชั่วโมงกลัวมากตอนนั้นมือสั่นขาสั่นไปหมด แต่พอบอกไป. ท่านบอกว่าเตรียมใจไว้แล้ว ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นไม่ช้าก้เร็ว (โชคดีที่เรากับแฟนหมั้นกันแล้ว) ท่านไม่ด่าอะไรเลยค่ะ แค่บอกว่าน้องมาแล้วก้ดูแลดีๆ ส่วนแม่แฟนเราก้บอกตามตรงค่ะ(เรากับแม่แฟนสนิทกันค่ะ) แกแค่บอกว่ามีลูกแล้วแฟนเราจะได้มีความคิดทำงานบ้าง จนทุกคนในครอบครัว-ญาติรู้กันหมด ถึงจะมีอุปสรรคเยอะตามมาเราก้ผ่านมันไปด้วยดีค่ะ จนตอนนี้ท้อง 25 w แล้ว บอกครอบครัวให้รับรู้ดีกว่าค่ะ ถึงท่านจะเสียใจ ผิดหวังนิดหน่อย แต่เขาคงไม่ไล่ไปทำแท้งหรอกค่ะถ้าไม่บอกตอนนี้ สักวันเขาก้รู้ความจริงค่ะ อาจจะเสียใจหนักกว่าเดิมมากกว่า บอกจากปากตัวเองดีกว่าคนอื่นบอกน้ะคะ 😊 ปล. อายุเท่ากันค่ะแต่แค่ไม่เรียนแล้ว

เราเป็นคนนึงที่พลาดท้องตอนม.5 เทอม2 คือตอนนั้นไม่มีใครรู้แม้กระทั้งเพื่อนสนิทก็ไม่รู้ เราตัดสินใจบอกแม่ว่าเราท้อง แต่ทางครอบครัวแฟนเรารู้แฟนเราบอกทางครอบครัวเขา ทางครอบครัวแฟนเราดีมากเราว่าเราโชคดีอย่างนึงคือเรามีแฟนแก่เขาทำงานแล้ว แล้วเขาก็มีความรับผิดชอบสูงพอตัว ทางบ้านเราก็เลยไม่ได้ห่วงเรามากเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้คือเราคบกันแบบเปิดเผยทางผู้ใหญ่รับรู้นะ พอเราบอกแม่เขาก็หาทางช่วยเราเองพ่อแม่ทุกคนเสียใจแต่เขาก็รักเราเขาจะคอยช่วยเราเสมอแหละ เชื่อเราบอกพ่อแม่เราก่อน ตอนนี้เรากลับมาเรียนม.6 แล้ว เราไม่ด้อปเพราะคลอดเสร็จก็กลับมาเรียน การเรียนสำคัญนะเรื่องที่มันผิดพลาดไปแล้วก็แก้ไขให้มันดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ อย่างไงอย่าทิ้งการเรียนนะ สู้ๆจ้า❤☺

พี่ก็ท้องตอนเรียนค่ะ อีกปีเดียวจบป.ตรี พี่ก็ไม่กล้าบอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจนท้องได้5เดือนค่ะ แต่พี่หาข้อมูลและไปฝากครรภ์ด้วยตนเองก่อน เพราะห่วงลูกค่ะ พี่เก็บมาจนห้าเดือน แม่บังเอิญเห็นยาค่ะ ที่ย้านเลยรู้กันวันนั้นเลย ไม่มีใครดุด่าอะไรค่ะ เค้าถามเราแค่ว่ายังเรียนอยู่เลยจะเลี้ยงลูกได้เหรอ ทำไมไม่ป้องกันดีๆ แต่พลาดมาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเลี้ยงให้ดีค่ะ ก็โดนว่าเรื่องไม่ยอมบอกไม่ยอมปรึกษาผู้ใหญ่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเก็บไส้คนเดียวตั้งนาน ตอนนี้ใกล้คลอดแล้วบรรดาลุงๆป้าๆน้าๆของเรารอแย่งไปเลี้ยงกันวุ่นเลยค่ะ เชื่อเถอะค่ะบอกไปดีที่สุด ยังไงเราผิดไปแล้วเราต้องรับผลมันนะคะ สุดท้ายคนที่อยู่ข้างเราคอยดูแลเราก็คือคนในครอบครัวนั่นแหละค่ะ

VIP Member

สิ่งแรกที่น้องต้องทำคือบอกพ่อแม่ตัวเองค่ะ อาจจะโดนด่า โดนว่าบ้าง แต่คนที่จะช่วยเราในยามที่เราไม่เหลือใครก็มีแค่พ่อ กับแม่นี่แหละค่ะ รีบหาโอกาสบอกท่านแล้วรีบไปฝากครรภ์นะคะ ฝากครรภ์ไว ความปลอดภัยกับตัวน้อยในท้องสูงกว่าค่ะ เด็กน้อยตัวเล็กๆในท้องไม่มีความผิดอะไรเลย ถึงเราจะไม่พร้อม แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเราต้องมองอนาคตค่ะ วางแผนว่าจะทำยังไงต่อไป ดอร์ปเรียนก่อน แล้วค่อยกลับไปเรียนใหม่ก็ได้ หรือแจ้งครูที่ปรึกษา ถ้าที่โรงเรียนให้เรียนต่อได้แล้วถึงเวลาค่อยลาคลอด ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนค่ะ ไม่ต้องอายนะคะ เราต้องยอมรับความจริงและเก็บแต่คำพูดที่ให้กำลังใจเราค่ะ คำพูดที่มันทำให้เรารู้สึกหมดหวังเสียใจ โยนมันทิ้งไปค่ะ สู้ๆนะคะ

เริ่มจากบอกพ่อแม่เราก่อนคะ รีบบอกให้เร็วที่สุดนะคะเพราะถ้าคุณแม่ยิ่งเครียดมากเกินไปจะส่งผลต่อน้องในครรภ์คะ แรกๆเราอาจโดนดุบ้างตามประสาคนเป็นพ่อแม่ อีกอย่างเราก็ผิดจริงที่ท้องในวัยเรียน แต่สิ่งสำคัญคือถ้าเราทำผิดแล้วแก้ไขในสิ่งที่ถูก ดูแลรักษาตัวเองดีๆ กินแต่ของบำรุงครรภ์ ยังไงคนเป็นพ่อแม่ก็ให้อภัยคะ เดี๋ยวนี้สังคมทางการศึกษาเปิดกว้างมากขึ้น เรื่องท้องตอนเรียนไม่ใช่เรื่องน่าอาย เข้าไปคุยกัยอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วเดี๋ยวเขาจะช่วยหาทางออกอีกทีคะ ส่วนตัวมีเพื่อนท้องช่วงนี้เหมือนกัน นางก็ไปเรียนตามปกติยันคลอดเลยคะ แต่ใส่ชุดพละ ช่วงนั้นแค่ไม่ต้องไปสนใจคำพูดรึสายตาคนอื่นก็พอคะ

คำถามที่เกี่ยวข้อง

คำถามยอดฮิต

บทความเกี่ยวข้อง