หากได้เริ่มฉีดยาคุมกำเนิด ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาฉีดคุมกำเนิดก็จะสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที โดยประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาฉีดคุมกำเนิดแบบชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (ฉีดทุก 2 หรือ 3 เดือน) กับชนิดฮอร์โมนรวมจะเท่าๆ กัน คือป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% หรือมีโอกาสการล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 0.2% หรือเท่ากับ 2 ใน 1000 คน ซึ่งดีกว่าการทานยาเม็ดคุมกำเนิดเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการฉีดอย่างถูกต้องด้วยค่ะ แต่หากได้เริ่มฉีดยาคุม ในช่วงเวลาอื่น นอกจากช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาฉีดคุมกำเนิดจะยังไม่ออกฤทธิ์ได้ทันที โดยจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากฉีดยาไปแล้วประมาณ 7 วัน ดังนั้นในช่วง 7 วันแรกหลังฉีดยาคุม จึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยไปก่อน ซึ่งหากไม่ได้ป้องกันในช่วง 7 วันแรกนี้ ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ