การอยู่ไฟ อยู่เดือน

สิ่งสำคัญคือการขับน้ำคาวปลาค่ะ การอยู่ไฟคืออบตัวเองให้ร้อนให้ขับของเสียออก เดี๋ยวนี้เค้ามียาเฉพาะทางไว้ทานขับน้ำคาวปลาแล้วค่ะ เราว่าถ้าใครสะดวกทำก็ทำ ไม่สะดวกทำก็กินยาขับเอา เอาออกให้หมด จบเรื่องเลยค่ะ สมัยก่อนไม่มียาแบบทุกวันนี้ แผนโบราณเค้าเลยให้อยู่ไฟ อยู่เดือน

ส่วนมากจะยุแค่ไฟนะคะ แล้วก็อาบน้ำร้อนแทนน้ำเยนคะ แล้วก็กินน้ำอุ่นแค่นั้น ส่วนอาหารก็กินของจืดไปสักเดือนน่อย เพราะต้องบำรุงให้มีน้ำนมให้ลูกนะคะ พัดลมยุไฟก็ไม่ค่อยได้เปิดนะคะ เพราะต้องยุไฟขับน้ำคาวปลาออกใหม้มาพร้อมกับเหงื่อนะคะ ที่บ้านนอกเขาก็ทำกันแบบนี้คะ

ไม่อยู่ค่ะ ไร้สาระมาก ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อากาศร้อนขึ้นทุกปี ไม่ได้เย็นยะเยือกเหมือนสมัยก่อน ประเภทให้กินแต่น้ำร้อน ต้องใส่แขนยาว กินแต่อาหารที่ปรุงด้วยเกลืออีก ใครใคร่ทำ ทำไปเลยค่ะ นี่ขอบาย หมอก็บอกแล้วว่าอย่าหาทำ

เราไม่อยู่ค่ะร้อนตับจะแตกได้เป็นลมแดดตายก่อนลูกโตแน่ น้ำคาวปลารัดหน้าท้องจะหมดไวเรา 27 วันหมด มดลูกให้นมลูกขมิบมิจิก็เข้าอู่แล้วจ้า ปวดกระดูกเพราะเสียแคลเซียมเยอะกินเสริมบำรุงซะอยู่ไฟไม่ช่วยให้ไม่เป็นกระดูกพรุนนะจ๊ะ

ถ้าอยู่กับคนแก่ก็ต้องทำจำใจเอา ส่วนตัวคิดว่าเวลาเดินทางมายุคสมัยใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ก็ได้ นานๆทีออกมาอบสมุนไพรก็พอแล้วค่ะ บ้านนี้1เดือนอบ2ครั้ง จนครบ6เดือน ที่เหลือก็ใช้ชีวิตปกติคะ

แล้วแต่บ้านแล้วแต่ความเชื่อรึเปล่าคะ บ้านนี้คลอดเสร็จอยู่เดือน เดือนนึ่งเต็มๆค่ะ ห้ามออกไปไหน อยู่แต่ในห้อง ห้ามกินอาหารรสจัด ห้ามเปิดพัดลม ใส่ถุงเท้า ใส่หมวก เดือนนึ่งเต็มๆค่ะ

กินยาขับน้ำคาวปลาเอาจร้า แอร์นอนได้จร้า รักษาอุณหภูมิในห้องเอาจร้าไม่เย็นมากไป ร้อนเกินไปจร้า

ส่วนตัวอาบน้ำสมุนไพร อยู่กระโจม3ครั้ง แต่ก็นอนแอร์ปกตินะคะ ก็ไม่ได้มีอาการหนาวเข้ากระดูกนะคะ

ส่วนตัวเราท้องที่ผ่านมาเราไม่ได้ยุไฟเลยค่ะยูกระเป๋าน้ำร้อนแทนอากาศแบบนี้ยุไฟไม่ไหว

9คืนค่ะอยู่แต่ตอนกลางคืนค่ะกลางวันอยู่ไม่ได้ค่ะอากาศมันร้อนมาก