
12476 ตอบกลับ

..คุณพ่อ เป็นมะเร็งกะเพาะอาหาร และมะเร็งตับ ตรวจเจอในระยะสุดท้าย ซึ่งคุณหมอบอกว่า จะอยู่นาน หรือ ไม่ได้นานนั้น ไม่ได้ขึ้นเกี่ยวกับยาที่รักษา...แต่ขึ้นอยู่กับ ครอบครัว กำลังใจ ความอดทน... ..... ด้านอารมณ์ เพราะ คนที่ป่วยเป็นมะเร็ง จะมีอารมณ์แปรปรวนตลอด เอาแต่ใจตัวเอง หงุดหงิดง่าย ซึ่ง เรากับแม่ ต้องอดทน และก็พูดกับแม่เสมอ..ถ้าเมื่อไหร่แม่รู้สึกเคลียด และน้อยใจกับการกระทำพ่อ เราก็ให้แม่ออกไป พบปะสังสรรค์ ข้างนอก เมื่อ อารมณ์ดีขึ้น ก็ค่อยกลับมาหาพ่อ... .... อาหาร พ่อชอบทาน อะไร เราก็เป็นคนทำให้พ่อ ถึงแม้พ่อจะกินไม่ได้ แต่ก็ทำ อย่างน้อยพ่อก็จะได้รู้ว่า พ่อยังสำคัญ....แค่พ่อได้เห็นอาหารที่พ่อชอบ และเราให้พ่อ ชิม พ่อก็มีความสุข ..... คนป่วย มะเร็ง จะมีอาการร้อนตลอด ถึงแม้ตัวจะเย็น แต่ข้างใน พ่อจะบ่นร้อน เราก็ อัดน้ำหวานเป็น ก้อนเล็กพอประมาณ เพื่อให้พ่อได้อม และ เช็ดตัว ทุก ๆ สอง ชม. โดย ใช้ น้ำผสมน้ำแข็ง... .....คนป่วย จะปวดไปทั่วร่างกาย เราก็ใช้แผ่นมอร์ฟิน แปะ และให้ยามอร์ฟีน ทุก สาม ชม. (ขึ้นอยู่กับว่าปวดมากน้อย) พ่อเข้าร่วมโครงการคลีนิคระงับปวดค่ะ.. .... ระหว่างที่จะให้ยาคีย์โม คอยบอกพ่อ ว่าทนนะพ่อ หนูจะนั่งข้าง ๆ พ่อ ..... หลังจากให้ยาคีย์โม ผู้ป่วยจะมีอาการอ๊วก กินอะไรไม่ได้...เราเอาน้ำหวานอัดเม็ด ให้พ่อ อม เอาไอติมให้พ่อกิน...ส่วนข้าวพ่อกินไม่ได้เลย. ... ส่วนเสื้อผ้า แยกซัก โดยต้อง ต้มก่อน แล้วเอาไปซัก... เราจะพลัดกันดูแลพ่อกับแม่ ตอนเช้า เราตื่น ตีห้า เพื่อเตรียม ผสมอาหารให้พ่อ เช็ดตัว ล้างหน้า แปรงฟัน ล้างแผลหน้าท้องให้พ่อ หกโมงเช้า ก็ป้อนอาหารเสริมให้พ่อโดยฟีดทางสายยาง..หลังจากนั้น แม่ก็จะมาทำหน้าที่แทนเรา...เราต้องไปทำงาน...ตอนเย็นเลิกงาน ก็ทำเหมือนตอนเช้า กลางคืน เรากับแม่ นอนกับพ่อในห้องเดียวกันทั้งสามคน ทำแบบนี้มา 2 ปี กับอีก 8 เดือนค่ะ.....(ขอโทษทีค่ะ ยาวไปหน่อย เพราะดูแลพ่อตั้งแต่ที่รู้ว่าพ่อเป็นมะเร็ง) รูปพ่อค่ะ ตอนนั้นอาการยังดีอยู่ หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ ไม่นาน พ่อทรุด เพราะระบบข้างในไม่ทำงาน ..จนในที่สุด พ่อก็เสีย
อ่านเพิ่มเติม