วัคซีนโควิด-19 ทุกเรื่องที่อยากรู้
สวัสดีค่ะ คุณแม่ๆ ทุกท่าน ตอนแรกเรากะว่าจะไม่เขียนโพสต์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แล้ว เพราะรู้สึกเยอะ ไม่อยากมีดราม่าด้วย แต่ก็เห็นมีโพสต์ใหม่ๆ ตั้งคำถามมาทุกวัน แถมมีแม่ๆ เข้าไปถามใน FB Messenger ของเราอีก ซึ่งเราก็ยินดีตอบนะคะ ไม่ได้ติดอะไร ใครจะถามเป็นส่วนตัว ก็ส่งข้อความไปได้ค่ะ ว่างแล้วจะมาตอบให้นะคะ นี่คือลิงก์ของรีวิวที่เราเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ใครยังไม่เคยอ่าน ถ้าสนใจก็ตามลิงก์ไปได้ค่ะ https://community.theasianparent.com/q/คุณแม่ท้องฉีดวัคซีนโควิด_19_ไ/3399905?d=android&ct=q&share=true จุดประสงค์ของการเขียน เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ เราไม่อยากให้แม่ๆ ที่ท้องอยู่ กังวลและกลัววัคซีนเกินกว่าเหตุค่ะ ใครจะฉีด/ไม่ฉีด เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถ้ากลัวมาก กังวลมากจริงๆ แนะนำว่า อย่าเพิ่งฉีดค่ะ ผ่านไปก่อนได้เลย เพราะความกลัวและกังวลที่มากเกินไป สามารถส่งผลออกมาในรูปแบบของผลข้างเคียงได้ค่ะ 1.) ฉีดวัคซีนอะไร : ฉีด Sinovac ค่ะ 2.) ฉีดเมื่ออายุครรภ์เท่าไหร่ : เข็มแรก 19+2 wks, เข็มที่สอง 22+2 wks ค่ะ 3.) ฉีดแล้วมีอาการอย่างไร : ไม่มีอาการเลยค่ะ เข็มแรกชิลล์มาก เข็มสองยังรู้สึกว่า มียาเดินเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดเสร็จปุ๊บ รู้สึกเมื่อยปั๊บ 4.) มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง : ง่วงนอน กับ หิวค่ะ ปกตินอนเก่งอยู่แล้ว ก็จะนอนเก่งขึ้น หิวเก่ง ทานเก่งขึ้นมากค่ะ ไม่มีไข้ ปวดหัว เวียนหัว ค่ะ 5.) กลัวแพ้ กับ กลัวผลข้างเคียง : ต้องแยกก่อนนะคะว่า อาการแพ้ จะเกิดขึ้นภายใน 15-30 นาที หลังฉีด ส่วนผลข้างเคียงสามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 24 ชม. - 3 วัน และ ผลข้างเคียงนั้นส่วนใหญ่จะหายไปได้เองภายใน 5 วันค่ะ ถ้ามีอาการหนัก หรือ อาการเรื้อรัง ก็ให้ไปรพ.ค่ะ 6.) เปอร์เซ็นต์การแพ้ : จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข วัคซีน Sinovac อัตราการแพ้อยู่ที่ 20 ต่อ 1 แสน, วัคซีน AZ อัตราการแพ้อยู่ที่ 24 ต่อ 1 แสน ค่ะ 7.) ทำไมถึงฉีด : คุณหมอสูติฯ และคุณหมอไทรอยด์แนะนำให้ฉีดค่ะ ในตอนแรก เรากังวลมาก คุณแม่เรา คุณแม่สามี ญาติผู้ใหญ่ห้ามหมด แต่เราถูกเลี้ยงมาแบบค่อนข้างฝรั่ง ให้เป็นคนรู้จักหาข้อมูลมาสนับสนุนการตัดสินใจ มากกว่าการฟังข่าว ข่าวลือ เราเลยหาข้อมูลจากวารสารทางการแพทย์ ต่างประเทศ หาข่าวจากต่างประเทศ คุยกับคุณหมอสูติท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน รวมทั้งเข้าร่วมเสวนากับทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ด้วย และเห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในขณะตั้งครรภ์ แม้ว่าเราจะไม่พอใจนัก กับวัคซีนที่เราฉีดไป แต่ในสถานการณ์ระบาดรุนแรงแบบนี้ การได้สร้างภูมิต้านทานในร่างกาย แม้จะน้อยนิด ก็ดีกว่าการที่ไม่มีภูมิต้านทาน และใช้ชีวิตบนความเสี่ยง 8.) กลัวผลกระทบต่อลูก : เราพิจารณาจากกระบวนการทำวัคซีนค่ะ ในเมื่อคนท้องสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ บาดทะยัก ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย มีแพลตฟอร์มการผลิตเหมือนกับ Sinovac/Sinopharm และวัคซีนเชื้อตายมีประกาศให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ได้มากกว่า 80 ปี เพราะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อลูกในครรภ์ เราจึงมั่นใจค่อนข้างมาก ว่าไม่ส่งผลลบต่อลูกในท้อง 9.) ทำไมคุณหมอบางท่าน ไม่แนะนำให้คนท้องฉีด : จากการเสวนาของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ พบว่า คุณหมอหลายท่าน ไม่ได้อัพเดทประกาศ และการประชุมใหญ่ ทำให้มีเสียงที่แตกออกไป คุณหมอหลายท่านก็พิจารณาจากประวัติการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา เช่น เคยมีประวัติแท้ง เคยมีประวัติท้องนอกมดลูก ความสมบูรณ์ของการตั้งครรภ์ในปัจจุบัน มีภาวะแท้งคุกคาม โรคต่างๆ ที่อาจมีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น โรคลิ่มเลือดอุดตัน คุณหมอก็จะพิจารณาให้งดฉีดค่ะ แต่ในเรื่องการแพ้ เปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ คุณหมอส่วนมาก จึงไม่ค่อยให้น้ำหนักในประเด็นนี้ค่ะ 10.) วัคซีนตัวไหนดีที่สุด : ถ้าให้จัดอันดับจากประสิทธิภาพ แน่นอนว่า Pfizer มาเป็นอันดับหนึ่ง รองมา คือ Moderna และ AZ ตามลำดับ แต่อย่างที่บอกไปในสถานการณ์นี้ การลดความเสี่ยงคือสิ่งที่ควรกระทำมากที่สุด ในประเทศอิสราเอล ที่มีการฉีด Pfizer ทั้งประเทศ เป็นประเทศแรกในโลก และให้ถอดหน้ากากในที่สาธารณะได้ กลับกลายเป็นว่า การระบาดเพิ่มสูงขึ้น จนต้องกลับมาออกกฎให้ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกครั้ง ควรพิจารณาที่จุดนี้ค่ะ ระหว่างรอวัคซีนประสิทธิภาพสูง คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่โชคร้ายไปติดเชื้อ สุดท้ายนี้ สิ่งที่เราอยากฝากไว้คือ อยากให้คุณแม่ทุกท่าน มีการตั้งครรภ์คุณภาพ ใส่ใจ หาข้อมูล เช่นในแอพนี้ ลองใช้ช่องค้นหา ใส่คีย์เวิร์ด แล้วค้นหาโพสต์เก่าๆ บทความเก่าๆ มีประโยชน์นะคะ ใช้google หาข้อมูล เตรียมคำถามไปถามคุณหมอ ทุกครั้งที่มีการนัดตรวจครรภ์ ใช้ชีวิตอยู่กับข้อเท็จจริง มากกว่าข่าวลือ หรือ เขาเล่าว่า เพื่อลูกน้อยของเราค่ะ ถ้าใครอยากถามอะไร แล้วเรามีข้อมูลตอบได้ก็ยินดีตอบค่ะ ใครถามเป็นส่วนตัวไปทาง FB Messenger ก็ยินดีตอบให้เช่นกันค่ะ #วัคซีนโควิด #วัคซีนโควิด19
หม่ามี้ของเบบี้เจย์วิน